ศิวนารีย์ นามณสวัสดิ์ “ธุรกิจไลฟ์เวฟ ยังไปได้อีกยาวไกล”

ศิวนารีย์ นามณสวัสดิ์

Senior Director แห่ง LifeWave Thailand

“ธุรกิจไลฟ์เวฟ เพิ่งเข้ามาเมืองไทยได้ 1 ปี ถนนสายนี้ยังไปได้อีกยาวไกล”

ก่อนจะก้าวเข้ามาโลดแล่นอยู่บนถนนธุรกิจไลฟ์เวฟ คุณศิ-ศิวนารีย์ เล่าว่าเธอเคยทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของรีสอร์ตที่จังหวัดกาญจนบุรี แล้ววันหนึ่งธุรกิจก็เดินมาถึงจุดที่มีปัญหา

“เราเองก็เหลือเงินทุนไม่มาก จึงมองหาธุรกิจใหม่ทำ มองจนทั่วแล้ว ดิฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร ที่จะเหมาะสมเท่ากับการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะเป็นธุรกิจที่ลงทุนน้อย แต่มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถทำให้เราร่ำรวยขึ้นมาได้ไม่ยาก หากเราตั้งใจที่จะทำอย่างจริงจัง”

เธอเล่าต่อว่าตัวเองได้ก้าวเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายในเมืองไทยมานานเกือบ 30 ปี และแล้ววันหนึ่ง ชีวิตก็มาถึงจุดที่จะต้องเข้ามาสู่ธุรกิจไลฟ์เวฟโดยบังเอิญ

“ก็เพราะช่วงนั้นเราเองมีปัญหาสุขภาพ เริ่มสุขภาพไม่ค่อยดี เป็นช่วงหลังเจอพิษโควิดด้วย วันหนึ่งก็ได้รู้จักไลฟ์เวฟเพราะคุณหมู ศิริพร เธอแนะนำ ช่วงเริ่มต้นดิฉันก็ไม่ได้สนใจจะทำธุรกิจแต่อย่างใด แต่คุณหมูเอาสินค้า ไลฟ์เวฟ X39 มาให้ใช้ เพราะตัวเราสุขภาพไม่ดี หลังลองใช้แล้วดิฉันประทับใจมาก เพราะมันสามารถทุเลาอาการโรคภัยไข้เจ็บที่เราเป็นอยู่ได้ดี คือมันดีขึ้นด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เรารักษามาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ไม่หาย มีแต่ทรงกับทรุด แต่พอได้ใช้ ไลฟ์เวฟ x39  คือแปะแผ่นไลฟ์เวฟนี้แล้ว มันดีขึ้น ดิฉันก็เลยสนใจที่จะเข้ามาทำธุรกิจนี้”

คุณศิ เริ่มต้นจากการเข้ามาศึกษาทั้งตัวสินค้าและแผนธุรกิจไลฟ์เวฟ จนเข้าใจและมองเห็นทางว่าธุรกิจนี้น่าสนใจและมีอนาคตอีกยาวไกล จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมธุรกิจ ไลฟ์เวฟอย่างเต็มตัวเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา (2565)

ลุยงานสุดๆอยู่แค่ 3 เดือน คุณศิก็พิชิตเป้าหมายจนได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง Senior Director ในทีมของคุณพลอย ภกุชา อติพรวณิชย์ Executive Director แห่ง LifeWave Thailand 

“จุดเด่นของไลฟ์เวฟ x39 คือใช้ง่าย ไม่ต้องกิน ไม่ต้องทา ไม่ต้องฉีดเข้าร่างกาย และใช้แล้วเห็นผลไว ผลลัพธ์ชัดเจน และเป็นสินค้าที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าน้อยคนที่เรานำไปเสนอแล้วเขาจะปฏิเสธ เพราะส่วนมากแล้วทุกคนมักจะมีปัญหาสุขภาพด้วยกันทั้งนั้น เป็นปัญหาสุขภาพที่เรื้อรังมานาน รักษาด้วยหมอ หรือทานอาหารเสริม และอะไรต่างๆ ก็แล้ว แต่ผลคือมีแต่ทรงกับทรุด จึงเป็นจุดเด่นที่แตกต่างของไลฟ์เวฟ ที่สามารถไปแก้ไขปัญหาโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังต่างๆ ของลูกค้าได้ตรงจุด ทำให้เขาหายจากอาการต่างๆได้เร็ว เห็นผลลัพธ์ชัดเจน”

การไปพบปะลูกค้าแต่ละครั้ง คุณศิ ยอมรับว่ามีหลายรูปแบบ

“ลูกค้ามีทั้งปฏิเสธและตอบรับ ลูกค้าที่ปฏิเสธก็มีแน่นอนค่ะ วิธีแก้ปัญหา เราต้องเริ่มจากตัวเองก่อน คือเราใช้สินค้าให้ตัวเองดูดี  แข็งแรง สวยสดใสขึ้น เมื่อลูกค้าเห็นความเปลี่ยนแปลงจากก่อนและหลังใช้ไลฟ์เวฟของเรา ก็เป็นการพิชิตใจลูกค้าอีกวิธีหนึ่งค่ะ และถ้าลูกค้าใช้สินค้าแล้วมีปัญหา เราต้องเรียนรู้อย่างจริงจัง ที่จะตอบหรือแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้”

ปรัชญาในการทำงานของคุณศิ

“ตัวเองเป็นคนจริงจังในการทำงานมากค่ะ เป็นพวกเอาจริงเอาจังกับงาน ทำงานเต็มที่ ทำให้เหมือนกับว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิตเรา คือทำแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำอย่างเอาเป็นเอาตาย”

ไลฟ์สไตล์และเป้าหมายสูงสุด

“ตัวเองเป็นคนง่ายๆ ใช้ชีวิตง่ายๆ แต่ไม่นิ่งดูดาย จะแอคทีฟและแอคชั่นอยู่ตลอดเวลา เวลาทำงาน ก็จะทำงานง่ายๆ  แต่ทำงานทุกวัน และทำงานกันเป็นทีม เพราะดิฉันมั่นใจว่าการทำงานเป็นทีมนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ดิฉันและทีมจะช่วยกันทำงาน และดิฉันตั้งเป้าหมายสูงสุด และมั่นใจว่าในปี 2566 นี้ ดิฉันจะสามารถนำพาคนในทีมขึ้นสู่ตำแหน่ง Senior Presidential Director ให้ได้ไม่ไม่ต่ำกว่า 5 คนแน่นอนค่ะ”

เคล็ดลับความสำเร็จ

“ดิฉันยึดหลักง่ายๆคือ ทำงานทุกวัน ทำงานให้เหมือนกับที่เราหายใจ คือทำงานทุกวันไม่ได้หยุด หยุดไม่ได้ ถือคติว่า เดินเซไปข้างหน้า ดีกว่ายืนเต๊ะท่าอยู่กับที่นะคะ”

คุณศิ ทิ้งท้ายว่า

“อยากบอกกับทุกคนว่า สินค้าไลฟ์เวฟมันสุดยอดจริงๆ อยากบอกกับคนที่ยังไม่ได้ใช้ หรือเพิ่งจะเริ่มใช้ หรือยังลังเล อยู่ ว่าสินค้าไลฟ์เวฟ เป็นนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ และแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพของร่างกายและสุขภาพความงามได้ค่ะ และคนที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ให้กับตัวเอง หรือมองหาช่องทางธูรกิจใหม่ๆ ดิฉันขอบอกได้เลยว่า ไลฟ์เวฟ เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะ และสินค้านี้เป็นสินค้าหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน สามารถเห็นผลได้ไว และชัดเจน”

“และที่สำคัญ ไลฟ์เวฟ เพิ่งจะเข้ามาเมืองไทยได้เพียง 1 ปี เพราะฉะนั้น ถนนธูรกิจสายนี้ ยังไปได้อีกยาวไกล ใครเข้ามาก่อนก็จะได้เป็น อัพไลน์ก่อนค่ะ

สนใจร่วมทำธุรกิจไลฟ์เวฟกับคุณศิ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 062 445 1163

 

%d bloggers like this: