พาณิชย์’ จัดงาน “หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม” สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย
พาณิชย์’ จัดงาน “หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม” สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย เน้นตอบโจทย์ความต้องการของตลาด สร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยอย่างยั่งยืน
กระทรวงพาณิชย์ จัดงาน “หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม” สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย สร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมผ้าไหมไทยอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เน้นตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมแล้ว!!! งานแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่สวยงามที่สุดงานหนึ่งของไทย วันที่ 12 – 14 กรกฎาคม นี้ ณ ฮอลล์ 12 อิมแพค เมืองทองธานี บอกเลยว่า..พลาดแล้วจะเสียดาย!!
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (บน) เปิดเผยว่า “จากการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินโครงการ ‘ยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยว’ โดยได้เดินสายนำผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ เช่น ดีไซเนอร์ นักการตลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสินค้า/บรรจุภัณฑ์ และภาพลักษณ์ตราสินค้า ฯลฯ ลงพื้นที่ร่วมให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับโครงสร้างการผลิต เพื่อขยายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น มีการถ่ายทอดเทคนิคการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและลดต้นทุนการผลิต กระตุ้นให้ผู้ประกอบการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการพัฒนาผ้าไหมให้มีความทันสมัย ร่วมสมัย และดูแลรักษาง่าย ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ให้นำผ้าไหมไทยมาตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกาย หรือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนเพื่อพัฒนาเส้นทางสายไหมสู่แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ตามยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่น 3 ภูมิภาค ประกอบด้วย 1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จ.อุดรธานี จ.กาฬสินธุ์ จ.ขอนแก่น 2) ภาคใต้ ได้แก่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช และ 3) ภาคเหนือ ได้แก่ จ.แพร่ จ.ลำพูน จ.เชียงใหม่”
“การดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวประสบความสำเร็จด้วยดี โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการผ้าไหมท้องถิ่นทั้ง 3 ภูมิภาคในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ตลอดจนเกิดการรวมกลุ่มสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการผ้าไหมไทย และสามารถเชื่อมโยงไปยังผู้ผลิต ผู้จัดหา นักออกแบบ ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ รวมถึงเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมผ้าไหมไทยอย่างยั่งยืน ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักท่องเที่ยว ผู้ที่ชื่นชอบผ้าไหมไทยและประชาชนทั่วไป ตลอดจนเป็นช่องทางในการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยที่ได้รับการพัฒนา โดยนำเอานวัตกรรมมาใส่ดีไซน์ที่ทันสมัยเข้าไป เพื่อตอบโจทย์ตลาดให้กว้างขวางมากขึ้น กรมฯ จึงได้จัดงานแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย ภายใต้ชื่องาน “หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม”
รองอธิบดีฯ กล่าวต่อว่า “กรมฯ กำหนดจัดงาน ‘หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม’ ในส่วนกลาง ระหว่างวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2562 ณ ฮอลล์ 12 อิมแพค เมืองทองธานี ภายในงานฯ จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่ได้รับการพัฒนา และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไหมหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย เสื้อผ้าแฟชั่นดีไซน์ที่เหมาะกับผู้บริโภคทุกวัย เครื่องประดับ และของใช้ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาจากกรมฯ เข้าร่วมจัดงานแสดงฯ ผู้เข้าชมงานจะได้ชื่นชมกับความงดงามของผ้าไหม และผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมแต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาค ซึ่งมีลวดลายที่สวยงาม มีโครงสร้างผ้าและลักษณะการออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป รวมถึงสามารถเป็นเจ้าของผ้าไหมและผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมภายในงานฯ ได้ในราคาสมเหตุสมผล มีความคุ้มค่าคุ้มราคา และสามารถนำไปเป็นมรดกทางวัฒนธรรมด้านผ้าไหมแก่ลูกหลานในอนาคตได้อีกด้วย”
“ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กำหนดจัดงาน ‘หัตถศิลป์ ถิ่นแพรไหม’ อีก 2 ครั้ง ระหว่างวันที่ 19 – 21 กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดเชียงใหม่ และระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าระยอง จังหวัดระยอง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในภูมิภาคอื่นๆ ได้ชื่นชมผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยของผู้ประกอบการท้องถิ่นจากทั่วประเทศ”
“จึงขอเชิญชวนแฟนพันธุ์แท้ผ้าไหมไทยและประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงาน ‘หัตถศิลป์ถิ่นแพรไหม’ ระหว่างวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม นี้ ณ ฮอลล์ 12 อิมแพค เมืองทองธานี นอกจากจะได้อุดหนุนผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยสวยๆ จากผู้ประกอบการท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาคแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้อุตสาหกรรมผ้าไหมไทยมีความเข้มแข็ง เป็นการสืบสานอัตลักษณ์ผ้าไหมของแต่ละชุมชนให้คงอยู่คู่กับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ทรงคุณค่าผ่านเส้นไหมและลวดลายที่งดงาม สมกับคำที่ว่า “ผ้าไหมไทยสะท้อนเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย” รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย