ที่สุดของทรัฟเฟิลระดับตำนาน ที่ URBANI Truffle Bar & Restaurant
ลิ้มรสที่สุดของทรัฟเฟิลระดับตำนาน
ที่ URBANI Truffle Bar & Restaurant
อาณาจักรทรัฟเฟิล ในรูปแบบ Fine Dining
ถ้าจะถามหาวัตถุดิบชั้นเลิศระดับโลก แน่นอนว่าทรัฟเฟิลต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยเสน่ห์ของกลิ่นทรัฟเฟิลอันเย้ายวนเป็นเอกลักษณ์ และความพิถีพิถันในการเสาะหา ไปจนถึงการรังสรรค์เป็นเมนูชั้นเลิศ จึงทำให้ทรัฟเฟิลจัดว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดี หายาก และราคาแพงลิ่ว
และหากจะพูดถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการคัดสรรทรัฟเฟิลชั้นเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นแบรนด์เก่าแก่ระดับโลกด้วยแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ URBANI แบรนด์ซึ่งเป็นผู้ส่งออกทรัฟเฟิลรายใหญ่ของโลกจากอิตาลี ที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกถึง 70% เรียกได้ว่าทรัฟเฟิลที่เสริฟในร้านอาหารหรูทั่วโลก ส่วนใหญ่ล้วนมาจากแบรนด์ URBANI ทั้งสิ้น
และแล้วก็ถึงเวลาที่สาวกทรัฟเฟิลต้องร้องเฮกันดังๆ เมื่อตัวจริงด้านทรัฟเฟิลระดับ URBANI ได้ขยายไลน์ธุรกิจเปิดร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรูในรูปแบบ fine dining ของตัวเองที่ใจกลางสาทรแล้ว โดยยึดหัวหาดในอ้อมกอดของยอดตึกระฟ้า ณ ชั้น 39 ของตึกสาทร สแควร์ ในชื่อ URBANI Truffle Bar & Restaurant Bangkok (เออร์บานี่ ทรัฟเฟิล บาร์ แอนด์ เรสตรองท์) และล่าสุดเพิ่งคว้ารางวัล Thailand Tatler Best Restaurant 2019 มาครองหมาดๆ การันตีอย่างนี้แล้ว คนรักทรัฟเฟิลตัวจริงจะพลาดได้อย่างไร!
URBANI Truffle Bar & Restaurant Bangkok (เออร์บานี่ ทรัฟเฟิล บาร์ แอนด์ เรสตรองท์) พร้อมแล้วที่ให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่แห่งโลกทรัฟเฟิลในรูปแบบอาหารอิตาเลี่ยน fine dining บริหารงานโดย Mr. Roberto Ugolini หนุ่มอิตาเลียนซึ่งเขาเป็นเจ้าของร้านด้วย และเกือบทุกเมนูของที่นี่ล้วนมีทรัฟเฟิลเป็นส่วนผสม รวมไปถึงของหวานและเครื่องดื่มด้วย
(บน)เชฟเตย “สหรัฐ แตงไทย”
ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับทั้งทัศนียภาพของวิวและสุนทรียะแห่งรสชาติอาหารพร้อมกลิ่นอันหอมหวนของทรัฟเฟิล ที่รังสรรค์โดย เชฟเตย “สหรัฐ แตงไทย” ซึ่งเป็นเชฟมือหนึ่งประสบการณ์แน่น และยังเคยเป็นผู้ท้าชิง เชฟเอียน ในรายการ Iron chef มาแล้ว จึงรับรองได้เลยว่าอาหารทุกจานจะต้องมีความพิถีพิถัน เทคนิคแพรวพราว ควบคู่กับความซับซ้อนประณีตและพิถีพิถันในแบบฉบับ fine dining แน่นอน (นอกจากนี้ทางผู้จัดการร้านยังเสริมว่า หากคุณต้องการลิ้มลองทรัฟเฟิลในรูปแบบที่ไม่มีในเมนู และหากทางร้านมีวัตถุดิบนั้นๆอยู่ เชฟเตยก็พร้อมแนะนำและครีเอตเมนูให้คุณได้เช่นกัน บริการของที่นี่นับว่าเอ็กซ์คลูซึฟสุดๆ)
มาพูดกันถึงส่วนของร้านอาหาร เมื่อก้าวเข้าสู่อาณาจักรทรัฟเฟิลแห่งนี้ คุณจะรู้สึกได้ถึงความหรูหรา สุขุม และมีเสน่ห์ ด้วยการตกแต่งที่เรียบหรูในโทนหลักคือสีน้ำตาลของไม้ และสีดำของหนัง ตัดด้วยสีทองและแสงไฟ ส่วนที่นั่งจะแบ่งเป็นโซน เว้นระยะพอควรเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าแต่ละโต๊ะ จะมีโซนร้านอาหารในแบบโต๊ะนั่งและแบบ chef table โซนบาร์ และโซน VIP ซึ่งทุกโต๊ะจะถูกโอบล้อมด้วยกระจกแนวยาวแบบพาโนรามา ทำให้เห็นวิวกรุงเทพพร้อมโค้งน้ำเจ้าพระยาในมุมที่สวยที่สุดได้อย่างเต็มตา
ที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11โมง ยาวต่อเนื่องจนถึงเวลา 23.00 อาหารของที่นี่จึงมีทั้งแบบ Set Lunch menu ราคา 690 และ 990 บาท และแบบ A La Carte แต่ที่ขอแนะนำให้ลองคือแบบ Course Testing menus ซึ่งเป็น Signature Menu ของทางร้าน โดยมีสองแบบคือ Five course signature menu (5 คอร์ส ราคา 3,900++) และแบบ Seven course signature menu (7 คอร์ส ราคา 5,500++) **
ทั้งสองแบบนี้จะรวม Prosecco 1 แก้ว
และเมนู Chef’s Amuse Bouche ซึ่งเมนูนั้นเชฟจะปรับเปลี่ยน ครีเอตเมนูใหม่ๆออกมาทุก 3 เดือน และแน่นอนว่าแต่ละเมนูคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบชั้นเลิศจากทุกมุมโลก อย่างเช่นฟรัวกราส์, ปูอลาสก้า, Canadian Lobster, เนื้อวัว Tenderloin จากออสเตรเลีย, เนื้อแกะนำเข้าจากนิวซีแลนด์, ปลากระพงจากสเปน และที่ขาดไม่ได้คือไฮไลต์อย่างทรัฟเฟิลชั้นเยี่ยมที่เป็นส่วนประกอบของทุกเมนู
ขอเริ่มแนะนำเมนู Signature แบบ 5 คอร์สกันเลย ก่อนเริ่มคอร์สจะเสริฟขนมปังโฮมเมดร้อนๆที่ทางร้านทำเอง สดใหม่ทุกวัน แน่นอนว่าความเหนียวนุ่มและ texture ของเนื้อขนมปังไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน และเมื่อพร้อมแล้วเราก็มาเริ่มกันที่คอร์สแรกกันเลย
คอร์สที่ 1 มีให้เลือกระหว่าง Beef & Truffle Tartare (บน) หรือ Fig & Foie Gras Salad (ล่าง)
- Beef & Truffle Tartare เมนูที่มีส่วนผสมของเนื้อดิบ แม้ฟังแล้วบางคนอาจส่ายหน้าขอเลือกอีกเมนูแทน แต่อยากให้ลองของที่นี่ ซื่งเป็น tartare ทำเองเป็นสูตรเฉพาะ ที่มีความเนียนละมุนและไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย ทำจากเนื้อวัว Tenderloin จากออสเตรเลีย ผสมด้วยทรัฟเฟิลมัสตาร์ด ตกแต่งด้วยชิ้นทรัฟเฟิลและไข่ปลา
- Fig & Foie Gras Salad ฟรัวกราส์ใช้การ sear หรือจี่ในกระทะให้ผิวด้านนอกมีความเกรียมแต่ด้านในยังมีความฉ่ำนุ่มพอดี ตัดรสชาติด้วยผล Fig, บีทรูทและน้ำผึ้งที่มาเป็นแบบชิ้นรังผึ้ง วางบนผักสด ตบท้ายด้วย risotto ที่ทอดจนกรอบบางมีความหอม เมื่อทานด้วยกัน ทั้งหมดรสชาติเข้ากันได้ดี
คอร์สที่ 2 มีให้เลือกระหว่าง Truffle Soup (บน) หรือ Alaska King Crab Cold Soup (ล่าง)
- Truffle Soup เสริฟมาในรูปแบบโดมที่ทำจากแป้งพัฟ เวลาทานต้องเจาะเปิดแป้งพัฟด้านบนและสามารถใช้ส้อมฉีกแป้งพัฟลงไปทานพร้อมกับซุปได้เลย ขอบอกว่าตอนเจาะแป้งแล้วไอความร้อนจากซุปลอยขึ้นมา หอมฟุ้งกลิ่นทรัฟเฟิลเป็นที่สุด พัฟทำออกมาได้ดีมีความกรอบบางเป็นชั้นๆแต่นุ่ม รสชาติของซุปกลมกล่อมและหอมหวลกลิ่นทรัฟเฟิลมาก เป็นซุปข้นที่มีความละมุนเนื้อเนียน มีส่วนผสมของทรัฟเฟิล, มันฝรั่ง, เห็ด dried shitake และ dried porcini
- Alaska King Crab Cold Soup มาในรูปแบบของซุปเย็น Presentation อลังการ เวลาเสริฟมีการใช้ไนโตรเจนเหลวสร้างหมอกควันรอบๆจาน ก่อนที่หมอกจะค่อยๆจางไปจนเผยรูปโฉมอาหารจานเด็ดนี้ออกมา ถ้าใครชอบซุปที่มีความเย็นๆและสดชื่นของมะเขือเทศที่มาแบบเกร็ดน้ำแข็ง บวกกับ texture นุ่มหนึบของชิ้นเนื้อปูอลาสก้า และกลิ่นสดชื่นของ basil ขอให้ลอง
คอร์สที่ 3 มีให้เลือกระหว่าง Spaghetti Vongole Bottarga (บน) หรือ Risotto Porcini Beef Cheek (ล่าง)
- Spaghetti Vongole Bottarga เส้นสปาเก็ตตี้ที่ทางร้านทำเอง ตัวเส้นลวกมาได้กำลังดีมีความเฟิร์ม นุ่มแบบกรุบเล็กน้อย เส้นดูดซับรสชาติของซอสเครื่องปรุงและความสดของตัวหอยที่ยังมีความฉ่ำ คลุกเคล้าด้วยไข่ปลา มีรสเผ็ดนิดๆ หอมกระเทียมและพาสลี่ย์ เมนูนี้อาจเป็นเมนูที่หาทานได้ไม่ยาก แต่เป็นความธรรมดาที่คือดี ด้วยความที่เป็นเส้น homemade มีความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัตถุดิบ และปรุงมาได้อร่อยกลมกล่อม ไม่เลี่ยน ไม่มันใครชอบเมนูเส้นน่าจะต้องชอบเมนูนี้
- Risotto Porcini Beef Cheek ส่วนของ risotto ใช้ข้าว Carnaroli มีความ creamy รสชาติเค็มมันในแบบ risotto แต่ไม่เลี่ยน รสชาติกำลังดี ใส่เห็ด Porcini ราชาแห่งเห็ดป่า และ สุดยอดชีสจากอิตาลีอย่าง Parmigiano Reggiano ส่วนของแก้มวัวเลือกใช้เนื้อของ Black Angus ฉ่ำด้วยซอสไวน์แดง ท็อปด้วย Black truffle หอมๆ
คอร์สที่ 4 มีให้เลือกระหว่าง Sea Bass Baked Salt (บน) หรือ Tournedos Rossini (ล่าง)
- Sea Bass Baked Salt เลือกใช้ Spanish Sea Bass ชิ้นกำลังดี ปลาสดเนื้อแน่น เนื้อปลาหมักเกลืออบออกมาได้รสชาติดีมีความหอมนุ่มและฉ่ำ แอบได้กลิ่นทรัฟเฟิลอ่อนๆ ราดด้วยซอสที่เคี่ยวด้วย Butternut Pumpskin puree ตัดด้วยรสหวานฉ่ำๆอมเปรี้ยวนิดๆของ caponata rolled และ marinated tomato ที่วางไว้ด้านข้าง รสชาติมีการตัดสลับ เสริมรสกันได้ดีทีเดียว
- Tournedos Rossini ใครชอบเนื้อจานนี้ห้ามพลาด Australian beef tenderloin ทำออกมาได้นุ่มมากเรียกได้ว่าละลายในปากเลย มาคู่กับฟรัวกราส์ และถั่ว pistachio ที่มาในรูปแบบครีม ม้วนมาด้วยแป้งบางๆ มีรสชาติหอมมันแต่เข้ากันดีเมื่อทานคู่กับเนื้อ บวกกับความหอมของกลิ่นทรัฟเฟิลที่สไลด์เป็นชิ้นมาบนจาน สาวกเนื้อห้ามพลาดจานนี้
มาถึงคอร์สสุดท้าย คอร์สที่ 5 ของหวานที่สาวกตัวจริงทรัฟเฟิลต้องลองให้สุด นั่นก็คือของหวานที่มีส่วนผสมของทรัฟเฟิลอย่าง Semifreddo Al Tartufo Bianco หรือถ้าใครเต็มอิ่มกับทรัฟเฟิลมาพอแล้วจะเลือกเป็นเมนู Coconut Platter ก็ได้ไม่ว่ากัน ดีงามทั้งคู่
– Semifreddo Al Tartufo Bianco เป็นของหวานดั้งเดิมของอิตาลีแต่เพิ่มมาด้วยรสและกลิ่นของ white truffle ซึ่งกลิ่นจะชัดมาก ตัวขนมมีลักษณะคล้ายโดมช็อคโกแลต แต่กลิ่นทรัฟเฟิลเด่นมาก texture จะคล้ายเค้กบวกไอศครีม เนื้อมีความเป็นครีมแน่นๆแต่ก็มีส่วนที่เป็นคล้ายเนื้อเค้ก รสชาติหวานจัดตัดกับกลิ่นทรัฟเฟิล ถ้าใครชอบรสหวานและชอบทรัฟเฟิล สิ่งนี้คือใช่ แต่ถ้าต้องการหวานแบบอ่อนๆละมุนละไม แนะนำให้เลือกอีกเมนู
– Coconut Platter เป็นของหวานที่พรีเซ้นท์ออกมาได้อย่างสวยงาม เหมือนชิ้นกะลามะพร้าวที่แตกออก และตัว crumble ที่ทำจากมะพร้าวก็เป็นเหมือนทราย และยังมีน้ำมะพร้าวในวุ้นกลมๆใสๆตกแต่งอยู่ด้วย ครีเอทสุด เมนูนี้ไม่ได้มีส่วนผสมของทรัฟเฟิลแต่อย่างใด แต่ละมุนเต็มๆด้วยความหอมสดชื่นของมะพร้าว และรสหวานอ่อนๆของพานาค็อตต้ามะพร้าว ไอศครีมมะพร้าว ตามด้วยเจลลี่น้ำมะพร้าว โรยด้วยมะพร้าวคั่วที่หอมมาก รับรองว่าเป็นรสชาติของมะพร้าวในทุกรูปแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสแน่นอน ขอเป็นเมนูของหวานแนะนำ
จบคอร์สอาหารด้วยความอิ่มเอม โดยรวมอาหารทำออกมาได้ดีมาก ทุกเมนูมีเอกลักษณะและรสชาติที่โดดเด่น สัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันในการปรุง บวกกับวัตถุดิบคุณภาพจริงๆ บรรยากาศร้านที่สวย และบริการระดับห้าดาว เรียกได้ว่าเป็นอีกมื้อที่คุ้มค่าจริงๆ
Fruttato คอกเทลซิกเนเจอร์แก้วแรกที่ไม่ควรพลาด
สีสันชวนลิ้มแก้วนี้คือ Destino
ส่วนแก้วสุดเท่นี้ชื่อ Tatufo Old Fashion ไม่ควรพลาดอีกเช่นกัน
ทรงเพรียวก้านยาวแก้วนี้ มีนามว่า Casa Mai ใครล่ะจะกล้าเมิน
แต่ที่นี่ไม่ได้จบแค่นี้ เพราะยังมีอีกส่วนที่เราอยากแนะนำ คือในส่วนของ Bar บอกเลยว่าบรรยากาศของบาร์และวิวมุมสูงแบบนี้เหมาะมากกับการมานั่งดื่มสังสรรค์ในช่วงเย็น ที่นี่มีทีเด็ดคือเมนูเครื่องดิ่มค็อกเทล urbani signature cocktails ที่พิถีพิถันและครีเอทสุดๆ เป็นบาร์ทรัฟเฟิลทั้งทีจะธรรมดาได้ยังไง บางแก้วยังมีส่วนผสมของทรัฟเฟิลทั้งสไลด์ใส่ ทั้งเกลือกลิ่นทรัฟเฟิลที่ขอบแก้วมาร์ตินี่ ทั้งไซรัปทรัฟเฟิล หรือใครชอบแบบไหนก็บอกบาร์เทนเดอร์ฝืมือฉมังที่หน้าบาร์ได้เลย ส่วนใครเป็นคอไวน์ก็มีไวน์ชั้นดีที่คัดสรรมาแล้วให้เลือกกว่า 200 label นอกจากนี้ยังมีทั้ง วอดก้ากลิ่นทรัฟเฟิล, แชมเปญ, วิสกี้และเบียร์นำเข้าให้เลือกอีกมากมาย
ที่สำคัญขอบอกว่าพลาดไม่ได้! ช่วงนี้เค้ามี Promotion Urbani Sunset ชมวิวพระอาทิตย์ตกพร้อมจิบเครื่องดิ่มแก้วโปรดที่เสริฟพร้อมเมนูอาหารเรียกน้ำย่อย ในราคา 590 net เวลา 17.00- 19.00 เฉพาะจันทร์ – ศุกร์เท่านั้น! รู้แล้วอย่าช้า มานั่งชมวิวชิวดริ๊งค์กันได้ก่อนจะหมดโปร
ที่นี่ยังมีอะไรดีอีกเยอะ ก่อนกลับอย่าพลาดมาเลือกช้อปผลิตภัณฑ์และเครื่องปรุงที่ทำจากทรัฟเฟิล ตัวที่ขายดีคือ น้ำมันทรัฟเฟิล เกลือทรัฟเฟิล เครื่องปรุงและอาหารแห้ง ใครอยากหาของว่างทานเล่นก็ยังมี snack ที่มีถึง 3 แบบให้เลือกคือ 1.Truffle Durian Chips ทุเรียนทอดกรอบกลิ่นทรัฟเฟิล ลองนึกถึงความหวานมันของทุเรียนแต่ตบท้ายด้วยกลิ่นหอมของทรัฟเฟิล บอกเลยต้องลอง! เป็นสูตรเฉพาะและมีขายที่ไทยเท่านั้น 2.Truffle Roots Chips รวมพืชตระกูลหัวทั้งหลายทั้งบีทรูท เผือก มัน แครอททอดกลิ่นทรัฟเฟิล เป็นmiixed chips ที่มีสีสันสวยงาม มีความกรอบแน่นและชิ้นหนากว่ามันฝรั่ง ได้สัมผัสของเนื้อรูทเต็มๆ หอมทรัฟเฟิล 3.Truffle Potato มันฝรั่งทอดกลิ่นทรัฟเฟิล เนื้อมันฝรั่งแผ่นบางกรอบคลุกเคล้าด้วยกลิ่นทรัฟเฟิล กินเพลินจนหยุดไม่ได้จริงๆ
ในส่วนของ snack นั้น นอกจากวางขายที่ร้านแล้ว ยังมีวางขายที่ gourmet market พารากอน, เอ็มควอเทียร์ อีกด้วยหากใครอยากลิ้มลองก็ไปหาซื้อกันได้ นอกจากนี้ในส่วนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดยังสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง Honestbee สะดวกสุดๆ นอนชิวอยู่บ้านก็สามารถเลือกซื้อสินค้าทรัฟเฟิลชั้นดีระดับโลกได้ไม่ยาก และช่วงเดือนนี้หากใครสั่งซื้อออนไลน์ สามารถนำใบเสร็จมาเป็นส่วนลดอาหาร Set Luch Menu และ A la carte ได้ที่ร้านถึง 20%ด้วย รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ทางร้าน
URBANI Truffle Bar & Restaurant Bangkok ชั้น 39 อาคารสาทรสแควร์ สาทรเหนือ สีลม กรุงเทพ (BTS ช่องนนทรี)
เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 23.00 น.
สำรองที่นั่ง โทร 02-2331990-1 ติดตามความเคลื่อนไหว ได้ที่ www.urbanithailand.com
( Text & Photos By ดาเนียร์ เรือนช้าง)