“ดุษศิดา ภาคาเดช” ตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์ การันตีเหนือรางวัล “เรื่องฝ้า ต้องลาชูเล่”
“ดุษศิดา ภาคาเดช” ตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์ การันตีเหนือรางวัล “เรื่องฝ้า ต้องลาชูเล่”
ในยุคที่ทุกอย่างหาได้จากโลกออนไลน์ ไม่เว้นแม้แต่คำว่า “ความสำเร็จ” ผู้คนต่างมุ่งหน้าเข้าหาโอกาสนั้น จนถนนในโลกออนไลน์เต็มไปด้วยผู้แข่งขันเต็มสนาม แล้ว “ความสำเร็จ” ที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน ยังมีเหลือให้เราหรือไม่ จะทำอย่างไรถึงจะได้คว้ามาครอง หากหลายคนกำลังแออัดอยู่บนถนนเส้นนั้น ลองมาหาทางลัด จากผู้ที่ได้บุกเบิกเข้าไปก่อนแล้วดีไหม
เพราะความงามเป็นที่ปรารถนาของคนทั้งโลก ผลิตภัณฑ์ความงาม จึงเป็นสินค้ายอดนิยมในช่องทางออนไลน์ หากจะหากูรูในเรื่องของความงาม ก็ต้องเป็นคนที่มีทั้งความงาม เข้าใจความงาม และสามารถส่งต่อความงามให้กับผู้อื่นได้ พร้อมความสำเร็จในเส้นทางธุรกิจ หลายคนคงรู้จัก “เคชม” หรือ คุณดุษศิดา ภาคาเดช คณะกรรมการผู้จัดการ ลาชูเล่ กรุ๊ป ผู้ก่อตั้งเพจ เคชม Beautypreneur เคล็ดลับธุรกิจพันล้าน วันนี้ครูเคชม จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในเส้นทางธุรกิจ 20 ปีที่ผ่านมา พร้อมบทบาทความเป็นครูในปัจจุบัน รวมทั้งเส้นทางสู่เป้าหมายครั้งใหม่ในระดับหมื่นล้าน โดยชูสินค้าเรือธง ที่ขายดีตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือ “นาโน มอยส์เจอไรเซอร์ จีพีโฟร์จี ครีม” ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับรางวัล Product of The Year 2018 ประเภทผลิตภัณฑ์ความงาม ตอกย้ำสโลแกน “เรื่องฝ้า ต้องลาชูเล่”
“เรารักความสวยความงาม เมื่อได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นของคน เพราะการเป็นฝ้าหรือมีปัญหาผิว มันมากกว่าคำว่าไม่สวย แต่หมายถึงความมั่นใจ เมื่อดูดีขึ้น ความมั่นใจก็มากขึ้น เราจึงรักการทำให้คนอื่นดูดีขึ้น และเชื่อว่าถ้าได้ทำในสิ่งที่รัก เราก็จะมีความสุขด้วย”
หลังจากเรียนจบ เคชมก็เข้ามานั่งแท่นเป็นผู้บริหารธุรกิจในทันที ด้วยงบลงทุนลิขสิทธิ์สินค้า “ลาชูเล่” จากประเทศฝรั่งเศส ราว 10 ล้านบาท ด้วยความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ไม่ง่ายเลย เพราะความรู้และประสบการณ์ที่ยังน้อย แต่เธอก็ใช้วิธีเลือกทีมผู้บริหารและทีมงานเข้ามาช่วย ที่สำคัญในการสร้างแบรนด์ในช่วงแรก คือ การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นตัวนำทาง หรือที่เรียกว่า “คุณภาพนำการตลาด” เน้นใช้แล้วได้ผลจริง มีการถ่ายรูปก่อนและหลังใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคล้ายกับการรีวิวในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เคชมบอกว่า “จำนนด้วยหลักฐาน” จนทำให้ “ลาชูเล่” เริ่มสร้างแบรนด์ร้อยล้านจากพนักงานเพียง 2 คน ซึ่งคอยรับโทรศัพท์ แพ็คสินค้า และส่งของทางไปรษณีย์ สถานที่ทำงานคือห้องเล็กๆ ใต้ถุนอพาร์ทเม้นท์ โดยหัวใจสำคัญคือ การให้คำปรึกษามากกว่าการขาย
“ในช่วงแรกเราไม่มีงบไปหว่านสื่อมากนัก แต่ก็มีงบส่วนหนึ่งลงไปกับนิตยสารต่างๆ รวมทั้ง “คู่สร้างคู่สม” ซึ่งทำให้มีลูกค้าจากทั่วโลกให้ความสนใจ มีคนกัมพูชาถือกล่องผลิตภัณฑ์มาถามหา แสดงให้เห็นว่า สินค้าพูดด้วยตัวเองได้ แถมยังมีคนที่อยากซื้อไปขายอีกมาก เพราะการแก้ปัญหา คือ สิ่งที่ลูกค้าต้องการ แค่บอกว่าหน้าใสใครๆ ก็อาจจะพูดได้ แต่เราบอกว่า นี่คือการแก้ปัญหา เรื่องฝ้าต้องลาชูเล่ ทำให้ไปถึงร้อยล้านดังที่ตั้งใจไว้ได้”
เมื่อเริ่มต้นขยายตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย เคชมต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นที่ปรึกษา ทั้งด้านการวางระบบตัวแทน การบริหารงาน การตลาด ทำให้พบเจอผู้คนหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักธุรกิจทั่วไปต้องเจอ นั่นคืออุปสรรคต่างๆ จากคนและผลประโยชน์ แต่นั่นคือสิ่งที่เคชมบอกเคล็ดลับว่า หากเจอปัญหาหรือความท้าทาย ให้คิดไว้ว่า นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้น ปัญหาสอนให้โต ก้าวช้าลง แต่อย่าหยุดเดิน
“แน่นอนว่าเส้นทาง 20 ปี ย่อมมีปัญหาหรืออุปสรรคบ้าง แต่เราไม่เคยหยุดเดิน เพียงแค่ก้าวให้ช้าลง แล้วค่อยๆ ฟังเสียงหัวใจตัวเองว่า เราควรต้องพัฒนาตัวเองอย่างไรอีกบ้าง เรื่องไหนที่เราไม่รอบคอบ ไว้ใจคนอื่นมากไปหรือไม่ สิ่งไหนที่ควรใส่ใจ สิ่งไหนที่ควรลงมือทำเอง เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาตัวเองให้ได้ อีกอย่างคือเรื่องของการสื่อสารกับคนในวัยและทัศนคติที่หลากหลาย เคชมเรียนรู้จากตัวเองว่า การบริหารคนที่มีอายุแตกต่างกันนั้น หัวใจคือเรื่องการสื่อสาร เราต้องคุยกันด้วยความรู้สึกที่ดี เพราะบางทีคนก็ไม่ได้ต้องการเรื่องเหตุผลมากนัก ผู้บริหารที่คุยแค่เรื่องผลประโยชน์ทำให้คนทำงานอึดอัดและไม่มีความสุข นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เคชมได้เรียนรู้”
ไม่ได้สร้างแบรนด์มาเล่นๆ 10 ปี แตะพันล้าน
ในช่วง 8 ปี “ลาชูเล่” มีตัวแทนจำหน่ายกว่า 2,000 คน พร้อมทั้งเปิดแฟรนไชส์ให้นักลงทุนเข้ามาร่วมธุรกิจ เมื่อครบ 10 ปี ก็ได้ประกาศยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท จนถึงวันนี้ 20 ปีของ “ลาชูเล่” มียอดขาย 5 พันล้านบาท เป็นที่มาของวลี “ไม่ได้สร้างแบรนด์มาเล่นๆ” ของเคชม
“เราไม่ได้สร้างแบรนด์มาเล่นๆ และตั้งใจแล้วว่าเป็นแบรนด์คนไทย ที่เปิดโอกาสให้คนได้ใช้สินค้าระดับโลก ช่วยสร้างความงามและสร้างรายได้ให้กับผู้ที่เข้ามาร่วมธุรกิจ เราตั้งใจแล้วว่าวันหนึ่ง เราอยากมีห้องประชุมไว้ต้อนรับตัวแทน มีบิวตี้สปาไว้สาธิตสินค้า มีพื้นที่โชว์เคสให้คนเข้ามาช้อปปิ้งได้เหมือนห้าง จากใต้ถุนอพาร์ทเม้น วันนี้เรามีตึก 7 ชั้น ริมถนนรัชดาภิเษก มูลค่า 200 ล้านบาท ลงทุนเองโดยไม่ต้องกู้แบงก์ และยังเป็นที่ตั้งของ “มหาวิทยาลัยชีวิต” สาขาธุรกิจความงาม ที่ทำให้หลายคนได้รู้จักเคชมมากขึ้น ในฐานะของครูเคชม”
อีก 10 ปีจะเป็นอย่างไร ต้นกำเนิด Beautypreneur
เส้นทางการเติบโตใน 20 ปีที่ผ่านมา อยู่ท่ามกลางความร้อนระอุของตลาดความงามในเมืองไทย ซึ่งมีคู่แข่งมากขึ้น พร้อมทั้งแนวทางการทำตลาดที่เปลี่ยนไป มีโลกออนไลน์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ เคชมจึงเริ่มตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้ง “10 ปีข้างหน้า ฉันและลาชูเล่ จะเป็นอย่างไร” คำว่า “Beautypreneur” ซึ่งมาจากคำว่า “beauty” (ความงาม) กับ “entrepreneur” (ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า เจ้าของธุรกิจ )
“วันหนึ่งเคชมก็มีความคิดแว๊บขึ้นมาว่า 18 ปีที่ผ่านมา เราทำในสิ่งที่เรารัก พร้อมกับทำให้คนมีความสุข จากเรื่องราวมากมายที่เราเรียนรู้และขวนขวาย ถ่ายทอดให้กับตัวแทนให้เติบโต เคชมจึงถามตัวเองว่า แล้วอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะอยู่ตรงจุดไหนของโลก เราจึงอยากนำความสำเร็จในเส้นทางของเรา มาส่งต่อให้กับคนอื่น เป็นการก๊อปปี้ความสำเร็จของเราไปสู่อีกหลายคนที่มีความฝันเหมือนกับเรา ให้คนที่อยากมีแบรนด์ความงามของตัวเองได้ใช้ในการเริ่มต้นและเดินในเส้นทางนี้ และลึกๆ ในใจ เคชมก็รักในการถ่ายทอดสิ่งดีๆ ให้กับผู้คน ความเป็นครู และ คำว่า Beautypreneur จึงเกิดขึ้น”
ใครอยากเป็นเจ้าของแบรนด์ความงามฟังทางนี้
เคชมได้นำประสบการณ์มาสร้างหลักสูตรสำหรับหุ้นส่วนและตัวแทนจำหน่าย รวมทั้งผู้ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของแบรนด์ความงาม โดยมีเนื้อหาหลักๆ เช่น การสร้าง Mind Set, การตลาดออนไลน์, ความรู้เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์, ผู้นำและการบริหาร และ การพูดและการสื่อสาร เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีแคมป์ 3 วัน 2 คืน ความลับคนเงินล้าน เป็นการเข้าคอร์สอบรมเพื่อเจอกับสถานการณ์จริงในการบริหารธุรกิจ กำจัดข้อจำกัดทางความคิด เพื่อสร้างคนต้นแบบในอนาคตของตัวเอง
“หลายคนอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ยังมองไม่เห็นตัวตนของตัวเอง บางคนบอกว่าไม่มีพรสวรรค์ แต่เคชมเชื่อว่า แม้ไม่มีพรสวรรค์แต่สร้างพรแสวงได้ รู้ไหมว่าความสำเร็จไม่ได้ถูกสร้างมา แต่เราเซ็ทขึ้นมาได้ด้วยการลงมือสร้างเอง เคชมเองก็คิดอยู่เสมอว่า เราจะทำอะไรให้มีค่ากับคนได้บ้าง เราจะช่วยคนอย่างไรได้บ้าง จึงเกิดเป็นครูเคชมขึ้น ตัวอย่างล่าสุด คือ หลักสูตรสอนให้รวยด้วยสินค้าความงาม, สร้างแบรนด์หลักล้านผ่านออนไลน์, คอร์สปรับลุคบุคลิกภาพ ซึ่งเป็นคอร์สจากประสบการณ์ความสำเร็จของเคชมและการศึกษาเส้นทางความสำเร็จจากอีกหลายๆ ท่าน จึงเรียกได้ว่า เป็นหลักสูตรแบบ มีเศรษฐีเป็นพี่เลี้ยงเลยก็ว่าได้”
ตอบคำถามฮิต เริ่มต้นทำตลาดออนไลน์อย่างไรดี
การตลาดออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ง่ายขนาดที่ใครๆ ก็เป็นเศรษฐีได้ เคชมแนะนำว่า เจ้าของธุรกิจจะต้องรู้จัก วิธีคิด หรือ My Set เนื่องจากพบว่า ความสำเร็จของมหาเศรษฐี ล้วนมาจาก Mind Set ถึง 70% อีก 30% คือการลงมือทำ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะวิ่งเข้าหาความรู้ เก่งจากความรู้ แต่ไม่เก่งในเกมภายในใจตัวเอง
“หลายคนที่เคยขายของ เมื่อขายไม่ได้ก็รู้สึกเฟล ท้อ จนถอย ถึงตอนนั้นความรู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะต้องใช้ใจสู้ ต้องมีการสร้างวิธีคิดเพื่อไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งนอกจากตัวแทนของเราแล้ว คอร์สสร้างแบรนด์หลักล้านผ่านออนไลน์ ยังมีผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนอีกมาก เพราะเขาสามารถนำไปใช้ในการสร้างแบรนด์ของตัวเขาเอง จนยอดขายแตะหลักล้านกันแทบทุกคน เพราะในยุคนี้ การขายคือช่องทางของการเกิดความมั่งคั่งได้มากที่สุด และไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ก็ต้องเกี่ยวข้องกับการขาย ต้องมีการทำตลาด แทบทั้งสิ้น”
Personal Branding ดึงพรสวรรค์ปั้นเงินล้าน
การสร้างแบรนด์ในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เคชม จึงแนะนำว่า ความเป็นตัวตน คือคุณค่าที่ติดตัวมา และสามารถใช้สร้างแบรนด์ได้ หรือที่เรียกว่า Personal Branding ซึ่งต้องรู้และดึงคาแรคเตอร์ พร้อมจุดเด่น ของคนๆ นั้นออกมา เพื่อสร้างการจดจำให้กับผู้คน และวันนี้คือยุคของ Content Marketing การตลาดในรูปแบบของการให้ความรู้เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค
“คนในยุคนี้ ไม่ชอบดูทีวีที่ไม่มีประโยชน์ Content Marketing จึงถูกกล่าวถึงมาก ทำอย่างไรให้แบรนด์ของเราเป็นที่น่าสนใจ ก็ต้องทำตัวเองให้น่าสนใจก่อน ลองมองหาว่าเรามีความรัก ความเชี่ยวชาญด้านใด หากเรามีความรักแต่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ความรักจะนำพาการแสวงหาความรู้ความเชี่ยวชาญมาให้ เช่น เราชอบแต่งหน้า เราอาจจะไปหาคอร์สเรียนเพิ่มเติม แล้วนำมาถ่ายทอดให้คนรับรู้ สร้างตัวตนให้รู้จักในแง่ของผู้แบ่งปันความรู้ เป็นครูสอนแต่งหน้า ทำบ่อยๆ จนเป็นที่รู้จักและจดจำ วันหนึ่งเมื่อเขาเห็นผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอ ก็จะมีความเชื่อมั่นและสนใจซื้อตามมา แต่เทคนิคในการสื่อสาร ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดแล้วน่าฟัง บุคลิกที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการเข้ารับการฝึกอบรม ที่สำคัญคือ การทำคอนเท้นท์ที่ให้ความสุข เพราะคนอยากดูความสุขมากกว่าความรู้ นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่เคชมสร้างหลักสูตรออกมาสอนให้กับผู้ที่สนใจ”
นักธุรกิจสาวหมื่นล้าน ไอดอลนั้นเจอกันอีก 3 ปี
เคชม เป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่เรียนรู้ความสำเร็จจากต้นแบบนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายๆ ท่าน แต่เธอบอกว่า นั่นคือเส้นทางของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะขณะที่ชื่นชอบแนวทางความสำเร็จของนักธุรกิจท่านนี้ แต่อาจจะชอบวิธีพูดของอีกท่าน การวางตัวของอีกคน การแต่งกายอีกแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านั้น คือการผสมผสานจนมาเป็นตัวของเธอเอง และหากถามว่า ไอดอล หรือต้นแบบของตนเองคือใคร วันนี้เธอบอกได้เลยว่า คือตนเอง..ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จระดับหมื่นล้านภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
“เคชมศึกษาเส้นทางความสำเร็จและมีคนที่ชื่นชมอยู่หลายท่าน แต่คนที่เคชมวางเป็นไอดอล คือตัวของเคชมเอง เพราะเชื่อว่า ชะตาชีวิตเราเป็นคนกำหนด วันนี้เคชมตั้งคำถามกับตัวเองแล้วว่าในอนาคตข้างหน้า หากเคชมคือนักธุรกิจระดับหมื่นล้านแล้วจะเป็นคนแบบไหน มีชีวิตอย่างไร”
ชีวิต ความงาม และสุขภาพ สไตล์ เคชม
นอกจากแนวความคิดในการบริหารธุรกิจและการสร้างแบรนด์แล้ว เคชม ยังได้ชื่อว่าเป็นไอดอลของใครๆ หลายๆ คน เนื่องจากสามารถบาลานซ์ชีวิตให้มีทั้งความสวยและความสำเร็จ ซึ่งเธอบอกว่า หลักการสำคัญของการดำรงชีวิต คือ วิธีคิด ไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆ ก็ตาม ต้องรู้จักให้กำลังใจตัวเองเข้าไว้ และมองไปในทางที่ดีเสมอ นอกจากนั้น เคชมยังแบ่งเวลาในการดูแลรักษาสุขภาพ แม้จะมีเวลาออกกำลังกายไม่มากนัก แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายบ้าง พร้อมเลือกรับประทานผักผลไม้ และเนื่องจากเป็นคนนอนน้อย จึงต้องหาตัวช่วยเสริมความงามและสุขภาพ เช่น อาหารเซลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของลาชูเล่ ที่ได้รับการยอมรับ
20 ปี การันตีเหนือรางวัล “เรื่องฝ้า ต้องลาชูเล่”
ปัจจุบัน ลาชูเล่ มีผลิตภัณฑ์ 30 รายการ และผลิตภัณฑ์ที่ยังเป็นเรือธงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือ “นาโน มอยส์เจอไรเซอร์ จีพีโฟร์จี ครีม” ที่ตอกย้ำสโลแกน “เรื่องฝ้า ต้องลาชูเล่” ซึ่งในปีนี้ ผลิตภัณฑ์ “นาโน มอยส์เจอไรเซอร์ จีพีโฟร์จี ครีม” ได้รับรางวัล Product of The Year 2018 ประเภทผลิตภัณฑ์ความงาม
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ เคชมบอกว่า มีแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในส่วนของสเต็มเซลล์สำหรับผิวหน้า และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยการดีทอกซ์ และในปีหน้า มีแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อสุขภาพ ซึ่งเธอกล่าวว่า การต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมอยู่เสมอ คือ การสร้างความมั่นคงและยั่งยืน โดยยังยืนยันที่จะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมคุณภาพสูง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และผู้ร่วมธุรกิจ
“รางวัลนี้เป็นเครื่องการันตีว่า ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ จากนวัตกรรมล้ำ กว่า 50 ชนิด แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ระยะเวลา 20 ปี ที่เป็นรางวัลจากการยอมรับทั้งจากลูกค้า และผู้ร่วมธุรกิจ ถือว่าเรามาไกลกว่าที่คิดไว้ แต่ก็ยังไปได้ไกลอีกกว่ามาก จึงอยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจความงามว่า ต้องมุ่งมั่น ทำจริง และต้องหาความเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ เคชมคิดว่าทุกคนมีศักยภาพในการเรียนรู้และทำได้ และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ คนด้วย”