ช็อค! วงการประกวด “ปุ๋ย-อนุรี อนิลบล” ตัดสินใจถอดหัวโขน โละสมบัติทิ้ง กลับบ้านเกิด “ชุมพร” สวมบทบาทสาวชาวสวน

“เราอายุเยอะขึ้นทุกวัน แล้วก็ตัวคนเดียว วันหนึ่งเราทำงานไม่ไหวใครจะดูแลเรา นอกจากตัวเราเอง บอกตรง ๆว่า ชีวิตคนเราตอนนี้เหมือนตายผ่อนส่ง เจอสารพัดมลพิษ ทั้งอากาศ ทั้งอาหาร ความเครียด ความปลอดภัยในชีวิตไม่มี คิดอยู่นานเหมือนกัน ในที่สุดบรรลุสัจธรรมจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง เสื้อผ้าและของแบรนด์เนมต่าง ๆ กลับบ้านที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ไปทำไร่ทำสวนเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษ ก็น่าจะต่อลมหายใจไปได้มากกว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเรามาเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมจนถึงปัจจุบัน” คุณปุ๋ย อดีตผู้บริหารเครื่องสำอางเอ็มทีไอกล่าว

คุณปุ๋ย เล่าว่า หลังจากเกิดความอิ่มตัว ด้วยการตัดสินใจเกษียณอายุตัวเองจากบริษัทเครื่องสำอางที่ทำมานานกว่า 30 ปี ผันตัวเองทำงานอิสระในระยะหนึ่ง จากนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งที่จะกลับไปอยู่บ้านเกิด หลัง ๆ ได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมบ่อยครั้ง จึงทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น อย่าไปยึดติดอะไรให้มากนัก “ตัวกู ของกู” เพราะสุดท้าย เราเกิดมาก็ไม่ได้มีอะไรติดตัวมา และเวลาตายต่อให้รวยล้นฟ้าก็ไม่สามารถเอาอะไรติดตัวไปได้เช่นกัน เหลือเพียงแต่ “ความดี” ที่ให้คนชื่นชมและจดจำ

 

 

คุณปุ๋ย กล่าวด้วยว่า จากการที่เราศึกษาเรื่องอาหารคลีน และพืชผักแนวออแกนิคหรือเกษตรอินทรีย์มานาน รวมถึงการร่วมทำข้าวปลอดสารพิษขาย จึงตัดสินใจนำความรู้ในภาคทฤษฎีที่มีกลับเอาไปใช้สู่ภาคปฏิบัติที่ชุมพร โดยจะใช้เกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง สู่วิถียั่งยืน เดินตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเรากลับบ้านไปสำรวจและเตรียมความพร้อมอยู่หลายครั้งแล้ว ทำให้มองเห็นช่องทางการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่

“ตอนนี้คือจากสูงสุดสู่สามัญชน ปล่อยวางไปเยอะแล้ว อดีตที่เราเคยรุ่งเรือง ไม่สามารถเอามาใช้ในปัจจุบันได้ พอเราลงจากหลังเสือ หรือถอดหัวโขนออกแล้ว อำนาจ บารมี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป อย่าไปคาดหวังทุกคนจะเหมือนเดิมกับเรา ซึ่งไปบังคับเขาไม่ได้ นานาจิตตัง มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ เราต้องยอมรับความจริงแล้วอยู่กับความจริงให้ได้”

กรรมการพันเวที กล่าวว่า หลังจากจัดการเรื่องขายคอนโดฯ เสร็จคงจะกลับไปอยู่ที่ชุมพรทันที เพราะข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆให้คนอื่นไปเกือบหมด เหลือแต่ที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตตามปกติเท่านั้น ก็รู้สึกโล่งใจที่เราไม่ยึดติดกับอะไรแล้ว หวงสมบัติ บ้าสมบัติ ถ้าถามว่าจะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกหรือไม่ ขอตอบเลยว่า “ไม่เด็ดขาด” แต่หากมีธุระจำเป็นก็เข้ามากรุงเทพฯได้ เดี๋ยวนี้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันทางโชเชี่ยลมิเดียได้ ทำธุรกิจก็ทำบนออนไลน์ อย่างตอนนี้ขาย “น้ำพริกมะขามอ่อน” กับ “น้ำพริกไตปลาแห้ง” รวมถึง “ทุเรียนกวน” ใช้ยี่ห้อ “อร่อย ๑๐๐ เวที” ก็ขายในออนไลน์ เราเน้นความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีส่วนผสมปลอมปน จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนอนาคตมองดูสินค้าตัวอื่น ๆ โดยคงคอนเซ็ปต์คือ “ความสะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีส่วนผสมปลอมปน”


“ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง เพราะจะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการหักดิบในความรู้สึกของคนรอบตัวเรา ซึ่งไม่ได้บอกใครล่วงหน้าเลย เว้นแต่คนสนิทจริง ๆ เท่านั้นอย่างเพื่อนนักเขียนในกลุ่มวินทุกเว(ที) ยังไงก็คงได้เจอะเจอกัน เพียงแค่ไม่ถี่เหมือนแต่ก่อน หากใครว่าง ๆจะมาเยี่ยมเยือนที่ชุมพรก็ได้นะคะ เพราะต่อไปจะทำไร่สวนที่บ้านให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน รวมถึงเรื่องผ้าไทยที่อยากทำเป็นศูนย์เรียนรู้เช่นกันค่ะ”

ทางด้านกลุ่มนักเขียนวินทุกเว(ที) ที่จัดงานเลี้ยงส่งเล็ก ๆ เมื่อค่ำวันก่อน ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค เริ่มจาก ครูปิ่น-ปิ่นศิริ ศิริปิ่น ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาศิลปิน SMD 1987 กล่าวว่า พอทราบข่าวก็รู้สึกใจหายอยู่เหมือน เพราะกลุ่มเราจะเจอกันบ่อยในเวทีประกวดในฐานะคณะกรรมการตัดสิน เรียกว่าไปไหนมักจะไปเป็นแพค คุณปุ๋ยเป็นคนที่เนี๊ยบในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือการแต่งตัว เราถามย้ำอยู่เหมือนกันว่าตกลงไปแน่ ๆ นะ คุณปุ๋ยยืนยันคำเดิมว่า ตัดสินใจไปแล้ว แต่ละคนมีทางเลือกของตัวเอง หลังจากนี้ตั้งใจว่าจะยกแก๊งค์ไปเที่ยวชุมพรกัน และหากเวลามีอะไรสำคัญๆ เชื่อว่าพวกเราคงรวมตัวกันได้

ส่วน หนุ่ม-นันท์นภัทร (ประเสริฐ) เจิมจุติธรรม กูรูนางงามและผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวด กล่าวเสริมว่า ตนเองน่าจะเจอพี่ปุ๋ยมากกว่าใคร เคยลุยป่าขึ้นเขาไปเป็นกรรมการมาด้วยกันหลายครั้ง จึงทำให้สนิทกัน มีอะไรเราจะคุยกันตลอด โดยเฉพาะเรื่องการประกวดที่มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายคละเคล้ากันไป พี่ปุ๋ยนับเป็นตัวอย่างในเรื่องของการวางตัวและการมีน้ำใจชอบช่วยเหลือเพื่อนพ้องน้องพี่

ทางด้าน บ๊อบ-จุมพล โพธิสุวรรณ รองบรรณาธิการบริหารสำนักข่าวบางกอกทูเดย์และอาจารย์พิเศษ กล่าวว่า พี่ปุ๋ยเป็นคนทำงานเร็วมาก แทบจะตามไม่ค่อยทัน ประมาณว่าทำวันนี้แต่ได้งานเมื่อวานแล้ว (หัวเราะ) อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นคนทำงานที่เป็นระบบระเบียบ จะคอยเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกเตือนแก๊งค์เราไม่ให้ทำงานผิดพลาด ทำงานตรงตามเป้าหมาย และชอบทำงานปิดทองใต้ฐานพระ หลังพระนี่ยังเดินอ้อมไปปิดได้

สำหรับ “น้องหนุ่ย – ดร.กัญฐณา สนเจริญ” นางฟ้าพีอาร์คนสนิทของคุณปุ๋ย กล่าวว่า เป็นเสมือนพี่สาวเลย คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว และเมื่อขอความช่วยเหลืออะไรแทบไม่เคยปฏิเสธ เป็นพี่สาวที่น่ารักมาก การที่พี่ปุ๋ยวางมือนั้น ก็เหมือนกับเป็นกระจกสะท้อนให้เราที่ถึงเวลาแล้วควรต้องหันกลับมาดูแลและวางแผนให้กับชีวิตของตัวเอง

 

%d bloggers like this: