นัสสรา หงษ์ร่อน เผยสูตรสำเร็จกับธุรกิจไลฟ์เวฟ

 

เป็นสาวรักเรียนที่ขยันศึกษาหาความรู้ใส่ตัวจนคว้าปริญญามาครอบครองหลายใบ

 

จบปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิต (พยาบาลและผดุงครรภ์) มหาวิทยาลัยมหิดล, ปริญญาโท ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต (การศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง) หลักสูตรการจัดฝึกอบรมและเป็นวิทยากร มหาวิทยาลัยมหิดล, ปริญญาโท วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-aging and Regenerative Science) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 

 

เป็น Working Woman จอมไฮเปอร์ฯ ก่อนจะก้าวเข้ามาปักหมุดโลดแล่นอยู่ในสนามธุรกิจไลฟ์เวฟ สาวสวยบุคลิกดีอย่างคุณส้มได้ผ่านประสบการณ์ทำงานมาแล้วมากมายหลายด้าน อาทิ

 

2533-2536 สวมหมวก พยาบาล ประจำการหอผู้ป่วยใน แผนกตา หู คอ จมูก รพ.รามาธิบดี

 

2536-2542 รั้งเก้าอี้ ที่ปรึกษาด้านความงามและผู้จัดการฝ่ายบริการ สถาบันแอนนา โปรเฟสชั่นแนล บิวตี้ ทรีทเม้นท์

 

2542-2551  นั่งแท่น ผู้บริหารฝ่ายขายและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอ็น โอ พี อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ จำกัด

 

2552 ถึงปัจจุบัน ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจ รั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ซี-คอน โกลบอล บิซซิเนส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม แบรนด์ “นาซาร่า” ซึ่งชื่อแบรนด์นี้ก็ได้มาจากชื่อ “นัสสรา” ของตัวเอง นั่นเอง

 

 

และในวันนี้ คุณส้ม-นัสสรา หงษ์ร่อน พร้อมเข้ามาลุยและมุ่งมั่นกับธุรกิจ “ไลฟ์เวฟ์”  โดยร่วมทีม LifeWave HIRO 162 อันมี คุณพลอย-ภกุชา อติพรวณิชย์ Executive Director แห่ง LifeWave Thailand เป็นแม่ทัพใหญ่ที่พร้อมนำพาทีมงานฟันฝ่าทุกเรื่องท้าทายสู่เป้าหมายความสำเร็จ

 

 

ตัวคุณส้มเองเมื่อตัดสินใจก้าวเข้ามาเป็น Brand Partner กับธุรกิจไลฟ์เวฟได้ไม่ทันไร ก็สามารถสร้างยอดขายทะลุเป้าจนได้ขึ้นมารั้งตำแหน่ง Senior Director ของบริษัท ไลฟ์เวฟ ประเทศไทย สร้างแรงบันดาลใจให้หลายคนได้ตัดสินใจเข้ามาร่วมเป็น Brand Partner กับเธออย่างไม่ขาดสาย

 

 

วันนี้คุณส้มจะมาแบ่งปันประสบการณ์การทำงานให้ฟังว่า ทำไมเธอจึงประสบความสำเร็จกับธุรกิจไลฟ์เวฟ

 

“สูตรสำเร็จสไตล์ส้มนะคะ  ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจไลฟ์เวฟค่ะ กุญแจอันแรกเลยก็คือ Never give up ตั้งแต่เกิดมาและจำความได้ ตัวส้มเองเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ อะไรที่อยากจะทำและอยากจะสำเร็จ ส้มเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้ นอกเสียจากว่าใจมันจะล้มเลิกไปก่อน และมันก็ไม่อยากทำ เคยมีอยู่ 2 ครั้งในชีวิตส้ม คือตอนที่ไปเรียนต่อโทที่ ม.มหิดลและ แม่ฟ้าหลวง ตอนนั้นไปเรียนต่อเพราะอยากได้ความรู้และอยากเอามาใช้กับการทำงาน ครั้งแรกเรียนด้านเทรนนิ่ง จัดฝึกอบรม และเป็นวิทยากร ปกติปริญญาโทเค้าเรียนคอร์สเวิร์คกัน 2 ปี พอเรียนคอร์สเวิร์คเสร็จ ต้องทำวิทยานิพนธ์ และช่วงเวลาที่ควรทำวิทยานิพนธ์ เราก็มาทำงานและไม่ได้ให้เวลากับงานวิจัยเท่าไหร่นัก พอเทอมสุดท้ายของปีที่ 5 ท่านอาจารย์ที่ปรึกษาก็โทรมาตาม บอกว่าส้มจะทิ้งไปอย่างนี้ไม่ได้นะ คือวิทยานิพนธ์ มันเป็นเหมือนยาเบื่อสำหรับเรา เราไม่อยากทำ แต่ก็มาคิดว่า ในพจนานุกรมของตัวเอง ไม่มีครั้งไหนที่ตัดสินใจลงมือทำแล้วเราจะทำไม่สำเร็จ และก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ควรจะทำต่อให้มันจบ ส้มจึงกลับมาทำวิทยานิพนธ์ต่อจนจบและได้รับปริญญาบัตรมาได้”

 

 

“และประวัติศาสตร์ก็ซ้ำรอย ครั้งที่สอง ส้มไปเรียนต่อปริญญาโทที่แม่ฟ้าหลวง ที่นี่ให้เวลา 4 ปี โดย 2 ปีแรกที่เรียนคอร์สเวิร์ค เรารู้สึกว่าสนุกสนานมาก แต่อีก 2 ปีหลัง พอกลับไปทำงาน ไปทำนั่นนี่นู่นเยอะไปหมด จนรู้สึกว่า ไม่เอาปริญญาก็ได้ แต่ในที่สุดก็รู้ฮึดสู้ รู้สึกว่า อะโห เราทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ควรจะไปต่อให้มันจบ  ก็เลยกลับมาทำวิทยานิพนธ์ต่อจนจบ และนี่มันคือ DNA ของส้มค่ะ”

 

 

“กุญแจไขความสำเร็จข้อสอง คือการมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า (Ambition) เรามาถามตัวเองดูว่า เรามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าจริงๆมั้ย ที่อยากประสบความสำเร็จในธุรกิจไลฟ์เวฟ ถ้าเรามีตรงนี้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ทุกคนก็จะสามารถผ่านมันไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องมีทัศนคติคิดบวก (Attitude) ด้วย การคิดบวกคือคิดเพื่อจะแก้ปัญหา คิดเพื่อจะผ่านมันไปให้ได้”

 

 

“ข้อสาม ก็คือซื่อสัตย์และจริงใจ (Sincere) เราต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เวลาเราจะไปนำเสนอลูกค้า เราต้องมีความรู้และสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ ถ้าไม่รู้เราก็ต้องไปศึกษาให้รู้ลึกรู้จริงเพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ นอกจากซื่อสัตย์ต่อลูกค้าแล้ว เราต้องซื่อสัตย์ต่อดาวน์ไลน์ อัพไลน์ และไซด์ไลน์ด้วยค่ะ เราต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพนักธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเรื่องของความซื่อสัตย์และจริงใจเป็นอุปนิสัยที่สำคัญมาก” 

 

“ข้อที่สี่ คือสามารถชี้นำตัวเองได้ (Self-directed) ไม่รอคอยหรือพึ่งพาผู้อื่น ในธุรกิจนี้เรามีอัพไลน์ เป็นคนที่เปิดโอกาสให้เราทำธุรกิจ ส้มถือว่าอัพไลน์เป็นผู้มีพระคุณกับเรา อัพไลน์เป็นคนแนะนำและมอบโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจนี้ แต่บางคนมีภาวะพึ่งพิงและคิดว่าอัพไลน์คือผู้รับใช้เราหรือต้องทำอะไรๆให้เราทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วอัพไลน์คือคนที่เราจะเข้าไปปรึกษาเวลาที่เราไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งหลังจากได้รับคำแนะนำ เราก็ต้องสามารถเป็นคนที่จะชี้นำตัวเองได้ ด้วยการเรียนรู้และลงมือทำด้วยตนเอง”

 

 

“ข้อห้าคือ คิดและทำแบบเจ้าของธุรกิจ (As Owner) คือต้องทำเต็มที่ รับผิดชอบเต็มที่ และเน้นไปที่ผลลัพธ์ ทำงานแบบไม่รู้เดือนรู้ปี อย่างที่พี่พลอย ภกุชา พูดบนเวทีว่า ทำงานแบบไม่รู้ว่าวันหยุดคือวันไหน เพราะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด”

 

“ข้อหกคือ มุ่งมั่นเพื่อผลลัพธ์อันเป็นเลิศ (Result- oriented) เราต้องทำให้ดีที่สุด เรื่องอะไรที่เราทำและรับผิดชอบ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ต้องทำอย่างเต็มที่และเน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นเลิศค่ะ”

 

“และข้อสุดท้ายคือ Action ลงมือทำค่ะ จงถามตัวเองว่าเราต้องการประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งเป้าหมายไว้จริงๆหรือไม่ ถ้าใช่…งั้นเราต้องทำอะไรบ้าง และเราได้สตาร์ทหรือยัง หรือว่าดีแต่วางแผนอันสวยหรู แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ต่อให้วางแผนไว้สวยหรูขนาดไหนแต่ถ้าไม่ลงมือทำ มันไม่มีทางเกิดผลลัพธ์หรอกค่ะ”

 

 

 

 

“เทคนิคส่วนตัวคือ ส้มใช้อักษรแต่ละตัวของชื่อตัวเอง คิดหาคำที่มีความหมายและแทนความเป็นตัวเรา และปลูกฝังลงไปในจิตใต้สำนักให้มันเป็นดั่ง DNA ของตัวเอง ส้มปลูกฝังมันมาเป็นสิบๆปีแล้วค่ะ อย่าง N ตัวแรกคือ Never give up และ A ตัวสุดท้ายคือ Action ทุกท่านสามารถนำชื่อของตัวเองมาเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ของความหมายที่จะสร้างให้เป็นดีเอ็นเอของตัวเอง สำหรับส้ม ส้มเขียนแปะชื่อและคำต่างๆเหล่านี้ไว้ที่หัวนอนเลยค่ะ วันไหนเราเริ่มคิดลบ หรือท้อ เราจะบอกว่านั่นไม่ใช่ “นัสสรา” ไม่ใช่ตัวตนของเรา ดีเอ็นเอของเราไม่เป็นแบบนั้น”

 

 

คุณส้มทิ้งท้ายว่า 

“ธุรกิจไลฟ์เวฟ จะเป็นธุรกิจสุขภาพแห่งอนาคตที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ต้องรอไปหาทุนมาจดทะเบียนเปิดบริษัทและค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์เอง เราสามารถเริ่มต้นธุรกิจของเราได้เลย คุณเดวิด เขาให้โอกาสเราไว้แล้ว เขาใช้คำว่า Brand Partner เราคือหุ้นส่วนของไลฟ์เวฟ เราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย อย่างผลิตภัณฑ์ X39 เขาทำวิจัยและลงทุนไปกว่า 140 ล้าน ใช้เวลากว่า 10 ปี เราโชคดีมากที่เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมหนึ่งเดียวในโลกที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้  ลองคิดดูสิคะว่ามันน่าตื่นเต้นและมีอนาคตที่ดีแค่ไหน”