แคมเปญ “เนสท์เล่ วอร์มอัพ รับวันใหม่”
วอร์มอัพ รับเช้าวันใหม่! เคล็ดลับคุณแม่คนดังเติ มความอบอุ่นครอบครัว
บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จัดแคมเปญ “เนสท์เล่ วอร์มอัพ รับวันใหม่” เพื่อสนับสนุนให้ทุกครอบครัวมีช่วงเวลาที่อบอุ่น ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวและเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องดีๆ ตลอดวัน ด้วยการเริ่มต้นวันใหม่ใน 3 มิติ ได้แก่ วอร์มอัพด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ให้คุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม วอร์มอัพด้วยการออกกำลังเบาๆ และวอร์มอัพด้วยความสัมพันธ์ที่อบอุ่นในครอบครัว พร้อมเทคนิคการวอร์มอัพง่ายๆ จากกูรู และเทคนิคยามเช้ากับเหล่าคุณแม่คนดัง
ดร. กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ ได้แนะนำเทคนิคการสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นในครอบครัวว่า “ช่วงเวลาเช้าคือก้าวแรกที่กำหนดทุกมิติของชีวิต และเป็นนาทีทองของครอบครัว ดังนั้นการเริ่มต้นยามเช้าที่ดี ก็จะทำให้ชีวิตดีและดูดีได้ อยากแนะนำเทคนิคการเริ่มต้นวันดีๆ ที่จะช่วยให้สมาชิกทุกคนในบ้านมีสุขภาพที่ดี และมีความรักความอบอุ่น เริ่มต้นด้วย 1) ปลุกสุขภาพด้วยเทคนิค Get Up Healthy จัดเวลานอนและเวลาตื่นอย่างเหมาะสมเพื่อให้เด็กๆ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ 2) เติมพลังให้กายและใจด้วย Warm Up Hearty ด้วยอาหารเช้าที่มีคุณค่าโภชนาการเหมาะสม และ 3) ถนอมหัวใจและให้พลังรัก ด้วย Boost Up Happy เมื่อเริ่มต้นบอกรักด้วย “มื้อเช้า” ที่เข้าใจ ใส่พลังรักครบสุขภาพด้วย 3 เคล็ดลับคุยกับลูกสร้างพลังรักให้สุขภาพดี ดูดี และมีภูมิคุ้มใจ ทั้งหมดนี้เพื่อให้ครอบครัวของเรามีสุขภาพแข็งแรง มีความรักความอบอุ่น เป็นหลักในการวอร์มอัพยามเช้า”
ด้านคุณแม่คนดังอย่าง อุ๊-เจนนิส สินธวาชีวะ โมนา-วิภาวี คอมันตร์ มะปราง-ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ เก๋-เปรมฤดี ตันติเวชกุล พันธุ์รัตน์ และ เมย์-ฝนพา ปราโมช ณ อยุธยา มาร่วมแบ่งปันเทคนิคการสร้างความอบอุ่นยามเช้าในครอบครัวให้พร้อมรับวันใหม่และเมนูยามเช้าง่ายๆ ในงานเปิดแคมเปญ “เนสท์เล่ วอร์มอัพ รับวันใหม่”
โมนา-วิภาวี คอมันตร์ คุณแม่นักธุรกิจ เผยเทคนิคดูแลลูกว่า “ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ได้ทานอาหารเช้า เพราะเป็นคนให้ความสำคัญกับสุขภาพอยู่แล้ว โดยเฉพาะอาหารเช้าที่เรารู้ว่ามีประโยชน์ที่สุด ต้องทานให้เต็มที่เพราะต้องใช้พลังงาน ใช้ความคิด และส่งต่อไปทางลูกด้วยเพราะเขาเป็นเด็กต้องใช้ทั้งสมองและพลังงาน เพราะฉะนั้นอาหารเช้าเราจัดเต็มให้ลูกเหมือนกัน พยายามเน้นอาหารที่ได้ประโยชน์มากที่สุด ถ้าวันไหนทำอาหารเช้าเองไม่ทันก็ให้แม่บ้านช่วย แต่หลักๆ ต้องมีไข่และนม ยอมรับว่าตอนเช้าถ้าเป็นวันธรรมดาที่ไปส่งลูกจะทานไม่ค่อยทัน มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัวลูกๆ สองคน ซึ่งน้อยมาก แต่งตัวลูกแล้วพาไปทานข้าว รีบไปส่งแล้วติดของตัวเองไปทานในรถ ดังนั้นจะชดเชยด้วยการใช้เวลาในวันเสาร์อาทิตย์ทานด้วยกันอย่างเต็มที่ ส่วนกิจกรรมอื่นๆ น้องธิ ก็แนวเด็กผู้ชายตอนเย็นเขาจะเล่นกีฬา หลังเลิกเรียนเตะบอล เล่นบาสกับเพื่อน วันหยุดเราก็พาไปว่ายน้ำ กระโดดแทมโพลีน ส่วนน้องดาจะชอบดนตรีมากกว่า แต่ก็พยายามผลักดันด้านกีฬา ให้เขามาว่ายน้ำด้วยกันบ้าง เพราะอยากให้เขาเล่นกีฬามากขึ้น”
อุ๊-เจนนิส สินธวาชีวะ คุณแม่แฮร์สไตล์ลิสต์ เจ้าของร้านคัลเลอร์มีกู๊ด (Color Me Good) บอกว่า “เทคนิคคือวางแพลนให้ดี เตรียมทุกอย่างให้พร้อมตั้งแต่ตอนกลางคืน พอเช้าก็จะง่าย ตื่นมาตั้งแต่หกโมงกว่าก็จะทำอาหารที่ปรุงใหม่ๆ ให้ลูกทานทุกเช้า เราทำกับข้าวให้เขาทานเอง มื้อเช้าจะเน้นเป็นพวกผัก พวกไข่ แต่ละวันก็จะต้องมีหนึ่งมื้อที่เป็นไข่ นอกจากนั้นจะเน้นให้ทานผัก ช่วงเช้ายังไม่วุ่นวายมากเพราะตอนนี้โชคดีว่าโรงเรียนอยู่ใกล้บ้าน เดินไปได้ จะมีเวลาทานข้าวให้เรียบร้อยตั้งแต่ที่บ้าน เดี๋ยวจะเข้าอนุบาลแล้วก็กำลังแพลนเรื่องเวลาอยู่ว่าจะต้องจัดอย่างไรดีเพราะว่ารถติดตอนเช้าน่าจะมีเวลาน้อยลง ส่วนมากอุ๊จะเน้นมื้อเช้ากับมื้อเย็น ให้ได้วิตามินให้ครบ ทั้งผัก ทั้งเนื้อหมู บางครั้งก็ทานซีเรียล และนม โชคดีที่เขาเป็นเด็กทานง่าย เรื่องออกกำลังกายเขาจะมีกิจกรรมของเขาอยู่แล้ว วันธรรมดาที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมออกกำลังกายนิดหน่อย วันพุธจัดตารางให้เข้าคลาสไปว่ายน้ำ คุณพ่อ คุณแม่ก็พาลงว่ายเอง เป็นของที่โรงเรียนนะคะแต่เราต้องลงด้วย ส่วนวันอาทิตย์ก็จะพาน้องเจสไปเตะบอล น้องจาณีนไปเต้นบัลเล่ต์ ไปขี่จักรยาน แล้วแต่ที่เด็กๆ อยากทำ สนับสนุนในสิ่งที่เขาชอบเด็กๆ ก็จะมีความสุข”
ด้านคุณแม่นักเขียน มะปราง-ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ บอกว่า “ทุกครอบครัวน่าจะคล้ายๆ กัน ตอนเช้าเป็นช่วงที่ต้องเร่งรีบ ต้องออกไปทำงาน โชคดีว่าเด็กๆ ชอบทานซีเรียลกันอยู่แล้ว ซีเรียลเนสท์เล่ก็ช่วยย่นระยะเวลาได้เยอะมาก ทำให้ตอนเช้าประหยัดเวลา มะปรางจะทานข้าวที่บ้านกับลูกๆ ก่อนออกไปทุกเช้า แน่นอนว่ากิจกรรมการเลี้ยงดูในยามเช้า การใช้เวลาร่วมกันต้องมีผล อย่างที่บอกว่าทุกวันนี้สังคมมันเร่งรีบ พ่อแม่หรือเด็กเองต่างก็มีกิจกรรมต้องทำมากมาย เขาก็ต้องเรียนพิเศษ เราก็ต้องทำงาน ช่วงเวลาที่เราทานอาหารเช้าร่วมกันในแต่ละวันมันเป็นช่วงเวลาที่เราได้คอยกระชับความสัมพันธ์กันกับลูกได้ รวมถึงอาหารเช้าเองก็เป็นการเตรียมพร้อมลูกก่อนที่เขาจะไปโรงเรียน สามารถทำให้เขาเรียนหนังสือได้เต็มที่ขึ้นด้วย”
เก๋-เปรมฤดี ตันติเวชกุล พันธุ์รัตน์ คุณแม่นักส่งเสริมการเรียนรู้ เจ้าของฟาร์มตาเล็ก (Farm De Lek) บอกว่า ”ตอนเช้าที่สำคัญสุดก็คงเป็นเรื่องอาหาร มื้อเช้าของครอบครัวเก๋จะต้องง่าย สะดวก รวดเร็ว และครบห้าหมู่ เมนูที่ง่ายสุดที่ตอนนี้ทำให้เด็กๆ ทานก็คือข้าวกับ ไข่ ไข่เจียว ไข่ดาวที่เป็นแหล่งโปรตีน และมีผัก ผักเขียว ตอนเช้าที่ทำได้ก็คือเอาไปผัดง่ายๆ แล้วทานเลย เพราะคุณค่าอาหารก็ยังอยู่ ลูกๆ จะทานอาหารที่บ้านไม่ให้ทานในรถ ทุกคนต้องตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า ถ้าวันไหนเวลาไม่มากก็จะเป็นเมนูง่ายๆ ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ของเด็กๆ ในตอนเช้าต้องบอกเลยว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย เพราะรถติดต้องทำเวลา จึงมาออกกำลังกายหลังเลิกเรียนแทน”
เมย์-ฝนพา ปราโมช ณ อยุธยา คุณแม่นักร้อง ผู้ประกวดเดอะวอยซ์ซีซั่น 2 บอกว่า “เมจะให้เวลากับลูกเป็นหลัก เราจะตื่นมาดูแลตัวเองก่อน แล้วจะดูลูกอาบน้ำให้ลูก จะเริ่มต้นวันใหม่อย่างอบอุ่น แต่เมไม่ได้ทำอาหารเอง แต่เป็นคนเตรียมให้และให้แม่บ้านทำ หลักๆ จะนั่งทานกับเขาเองไม่ปล่อยให้คนอื่นป้อน เราทานอาหารด้วยกันทุกเช้า ส่วนเรื่องออกกำลัง ปกติเมเล่นโยคะอยู่แล้ว ตอนที่เพิ่งคลอดมาก็พาน้องตั้งเตไปโยคะด้วยกัน เขามีเบบี้โยคะ แต่พอตอนโตเขาเริ่มเข้าโรงเรียนทำกายบริหารที่โรงเรียน สำหรับเมเวลาที่ว่างเราจะให้ลูกทั้งหมด เขาจึงพูดกับเรารู้เรื่อง เพราะเราดูแลเอง ไปไหนทำอะไรด้วยกัน เราจะรู้ใจเขาที่สุด และทำให้เลี้ยงง่าย”
เนสท์เล่เชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะส่งเสริมให้ทุกครอบครัวเปลี่ยนช่วงเวลาที่เร่งรีบให้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพ ด้วยการเตรียมอาหารเช้าที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการให้กับลูกๆ ใช้เวลาในยามเช้าร่วมกันอย่างมีคุณค่าและมีความหมาย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันอบอุ่นให้กับทุกครอบครัวและเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องดีๆ ตลอดวัน
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนสท์เล่ วอร์มอัพ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/goodfoodgoodlifebyNestleThailand
YouTube: https://www.youtube.com/user/NestleThailand
Website: https://www.nestle.co.th