เปิดตัว ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์
เปิดตัว ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ คอนโดหรูตอบโจทย์คนเมืองนำร่องโครงการมิกซ์ ยูส
ชี้เทรนด์โลกปี 2030 คน 2 ใน 3 เน้นใช้ชีวิตเมือง
“สิงห์ เอสเตท” ลุยขาย ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ คอนโดลักซัวรี่ ดีไซน์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งอยู่ในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ พร้อมย้ำคอนโดในโครงการมิกซ์ยูส ยังมาแรงต่อเนื่อง รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุค 2030 ที่งานและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตต้องอยู่ควบคู่กันไป
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเกี่ยวกับเทรนด์ของอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกว่า “ปัจจุบันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use) มากยิ่งขึ้น ในบางประเทศโครงการมิกซ์ยูสจะถูกนำไปรวมกับการวางแผนสร้างเมืองใหม่ จากสถิติเวิลด์แบงก์ ในปี 2030 จะมีเมืองระดับ Mega City ที่มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน มากกว่า 50 เมือง และ คน 2 ใน 3 จะอยู่อาศัยในเขตเมือง ซึ่งแต่ละเมืองจะมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่สีเขียวและการออกแบบภูมิทัศน์, การอนุรักษ์วัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกับชุมชนเดิมอย่างกลมกลืน, ความเป็น Smart city ที่มี High Technology ขณะที่สิ่งที่ได้ตามมาคือ ความสะดวกสบาย ครบครันด้วยปัจจัยพื้นฐานของการใช้ชีวิตเมือง การลดลงของอาชญากรรม และนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง”
“สำหรับในประเทศไทยในอีก 3 ปีนี้จะมีโครงการมิกซ์ยูสเกิดใหม่ในหลายทำเล จากข้อมูลของ CBRE มีโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 9 โครงการ มูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังเน้นการสร้าง Condominium, Service Apartment, อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม ในพื้นที่เดียวกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับโครงการ” นายนริศ กล่าว
นายนริศ กล่าวถึงสิงห์ คอมเพล็กซ์ เพิ่มเติมว่า ขณะที่ สิงห์ คอมเพล็กซ์ เป็นโครงการมิกซ์ยูส พื้นที่ 11 ไร่ บนถนนอโศกมนตรี แบ่งเป็น 2 อาคารหลัก คือ ส่วนออฟฟิศ รีเทล และคอนโดมิเนียม มีการออกแบบอาคารที่สวยงามมีเอกลักษณ์ เป็นอีกหนึ่ง Iconic Building ของกรุงเทพมหานคร ระบบอาคารมีความทันสมัย ทั้งเรื่องความปลอดภัย ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ให้การบริการในระดับโรงแรม ขณะที่ส่วนรีเทลมี Indoor Garden ในพื้นที่ Common area แบบ Amphitheatre มีร้านอาหารที่หลากหลาย ไลฟ์สไตล์คาเฟ่ ธนาคาร ไลฟ์สไตล์สปอร์ต พร้อมเน้นพื้นที่สีเขียวทั้งในส่วนอาคาร บริเวณด้านรอบ และหน้าอาคารมีพื้นที่สำหรับต้นก้ามปูใหญ่ 3 ต้น ซึ่งอยู่คู่ถนนอโศกมนตรีมานานมาก เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์บนถนนสายนี้ ที่ผสมผสานกับความทันสมัยในปัจจุบัน ทำให้ภาพรวมโครงการมีความลงตัว แต่ละส่วนส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้การใช้ชีวิตมีคุณภาพที่ดี และมีสไตล์ ตอบโจทย์สโลแกนของสิงห์ คอมเพล็กซ์ คือ Stylish living is crafted & redefined
ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท ได้กำหนดให้มีการเปิดขาย ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The ESSE at SINGHA COMPLEX) คอนโดมิเนียม ที่ตั้งอยู่ในโครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ โดยนายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ เป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 2 ของ บมจ.สิงห์ เอสเตท มูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท เป็นโครงการระดับลักซัวรี่ความสูง 39 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 2 ไร่ ภายในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ มีห้องพักอาศัยทั้งสิ้น 319 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาดให้เลือก คือ ขนาด 34.75 ตร.ม. และขนาด 47.75 ตร.ม. แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 70.00 – 77.00 ตร.ม. และห้อง Penthouse ขนาด 215.50 ตร.ม. ห้องชุดในโครงการมีตกแต่งครบแบบ Fully Furnished ด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์พิเศษ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับโครงการนี้ คือ กลุ่มลูกค้าระดับ A+ อายุประมาณ 35 – 45 ปี มีรายได้ต่อครัวเรือนประมาณ 200,000 บาท/เดือน ขึ้นไป ชอบการอาศัยอยู่ในเมือง มีวิสัยทัศน์เรื่องการซื้ออสังหาฯ ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับตัวเอง หรือเพื่อปล่อยเช่าสำหรับลูกค้าที่เป็นพนักงานผู้ทำงานในสิงห์ คอมเพล็กซ์ ในอนาคต และลูกค้าชาวต่างชาติที่อยู่อาศัย หรือต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย”
สำหรับแนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการ ได้รับแรงบันดาลใจจากรวงข้าวบาร์เลย์สีทอง โดยมีการผสานเส้นสายสีทองแชมเปญที่เรียบง่าย กับกระจกสีเทาที่ล้อมรอบกรอบอาคารให้ความรู้สึกหรูหรา เหนือการเวลา โดดเด่นเหนือใครด้วยพื้นที่สระว่ายน้ำที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และ Sky Feature บนยอดอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จจะทำให้โครงการนี้เป็นโครงการที่โดดเด่น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่ง Landmark ใหม่บนถนนเส้นนี้ นอกจากนี้ ด้านการบริหารพื้นที่ส่วนกลาง ได้มีการจัดการพื้นที่เพื่อสะท้อนการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ อาทิ พื้นที่สวนด้านหน้าอาคารที่ถูกดีไซน์ยกระดับเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ภายในโครงการ ล็อบบี้ขนาดใหญ่แบบ double volume พร้อมพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่ เช่น ชุดไม้กอล์ฟ หรือกระเป๋าเดินทาง เพื่อลดการใช้พื้นที่ในห้องของลูกค้า ดีไซน์พื้นที่จอดรถสำหรับรถ Super Car สวนส่วนกลางบนชั้น 8 ที่เปิดมุมมองเชื่อมต่อจากพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ไปยังพื้นที่สีเขียวบริเวณมักกะสัน ไฮไลต์ที่สำคัญอีกหนึ่งจุด คือ พื้นที่ส่วนกลางแบบ Sky Fourplex บนชั้น 36 และ 37 ซึ่งถูกออกแบบให้มีฟังก์ชั่นหลากหลาย ทั้งห้องประชุม ห้องสมุด ห้องทำงาน (Co-working area) ห้องจัดเลี้ยงในโอกาสพิเศษ Private Theatre และ Private Spa & Salon สำหรับโซนการออกกำลังกาย ทางโครงการได้เตรียมห้องฟิตเนส พร้อมเครื่องออกกำลังกาย เวทีมวย พร้อมหน้าผาจำลอง ขนาดสูงกว่า 6 เมตร สระว่ายน้ำ Sky Edge Swimming Pool ห้องซาวน่า และออนเซน แยกชายหญิง นอกจากนี้โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Smart Film และ Home Automation ที่ทำให้การใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมมีความสะดวกสบายมากขึ้น เข้ามาใช้ในโครงการอีกด้วย
“สำหรับทำเลที่ตั้งโครงการตั้งอยู่ใน สิงห์ คอมเพล็กซ์ บนที่ดินเก่าของสถานทูตญี่ปุ่นซึ่งบริเวณดังกล่าวคือจุดเชื่อมระหว่าง 2 ซีบีดี คือ ซีบีดีดั้งเดิมอย่างสีลม-สาทร-สุขุมวิท และซีบีดีใหม่อย่างรัชดาภิเษก ทำเลนี้คือแหล่งรวมของทั้งย่านที่อยู่อาศัย ย่านออฟฟิศ ย่านการศึกษา ชุมชนชาวต่างชาติ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมการคมนาคม (Transportation Hub) เพราะอยู่ใกล้ทั้ง MRT ซึ่งจะมีทางขึ้นลงใหม่อยู่ภายในสิงห์ คอมเพล็กซ์ BTS จุดขึ้นลงทางด่วน เชื่อมต่อถนนสายสำคัญหลายสาย Airport Link และท่าเรือโดยสาร ซึ่งทำเลนี้ถือเป็นทำเลที่โดดเด่น เรียกได้ว่าเป็น Business Gateway ใหม่ของคนกรุงก็ว่าได้ และด้วยจุดเด่นของโครงการเองเมื่อผนวกเข้ากับไลฟ์สไตล์ใหม่ที่จะเกิดมาพร้อมกับโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ มิกซ์ยูส จะสร้างนิยามของการใช้ชีวิตแบบเหนือระดับ และสามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยและใช้ชีวิตคนเมืองได้แบบครบวงจร” นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ กล่าว
โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ นี้ ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 8.6 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2560 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.2562 ทั้งนี้ โครงการจะเปิดขายให้แก่ผู้สนใจในวันที่ 4 – 5 มี.ค.2560 สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงวันดังกล่าว จะได้รับส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 2-6 แสนบาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1221 หรือ www.singhaestate.co.th