วันนี้ของสาวหวานซ่อนแกร่ง ก้อย-ปฏิมา เกษมสันต์ ณ อยุธยา

วันนี้ของสาวหวานซ่อนแกร่ง

ก้อย-ปฏิมา เกษมสันต์ ณ อยุธยา

วัยเด็ก เธอถูกหล่อหลอมจากเตาหลอมคือ “คุณแม่” ซึ่งพร่ำสอนให้เป็นคน “คิดดี พูดดี และทำดี” อยู่ตลอด โลกใบน้อยๆของเธอจึงเป็นสีชมพูงดงามและหอมหวานเหมือนเรื่องราวในเทพนิยายก็ไม่ปาน

เมื่อโตขึ้น จิตวิญญาณที่ถูกหล่อหลอมมาแบบนั้นเลยตกผลึก ทำให้เธอเป็นสาวหวานไหวมองคนในแง่ดี และไว้ใจคนมากเกินไป วันหนึ่ง ชีวิตของผู้หญิงคิดบวกและไว้ใจคนมากไปนาม ก้อย-ปฏิมา เกษมสันต์ ณ อยุธยา คนนี้ จึงได้พบพานเรื่องร้ายๆมากมายจากคนเลวร้ายซึ่งฉาบร่างชุบตัวมาในคราบของ “ไฮโซ”

มรสุมชีวิตหลายระลอกจากอดีต ซัดให้เธอเจ็บปวดจนต้องหลีกลี้หนีหน้าและเร้นกายออกจากวงสังคม”ไฮโซ” ไปปลีกวิเวก เพื่อซุ่มครุ่นคิดและใคร่ครวญหาเหตุของผล

และวันนี้ สาวหวานอย่างเธอได้หยัดกายลุกขึ้นมาใหม่  แม้ความหวานและสวยจะยังอยู่ครบเต็มพิกัด แต่หัวใจและจิตวิญญาณของเธอ ไม่หวานหน่อมแน้มและไม่อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟอีกแล้ว

เธอกลับมาในมาดใหม่ “หวานซ่อนแกร่ง”  เหล็กไหลห่มกายด้วยกลีบกุหลาบและอย่าหวังว่าใครจะสามารถทิ่มแทงเธอได้อีก

“เด็กทุกคน เราทุกคน ต่างก็ล้วนตั้งใจมุ่งหวังอยากเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น ก้อยก็เป็นคนนั้นค่ะ แม้ก้อยจะถูกเลี้ยงดูด้วยคุณแม่เพียงคนเดียว แต่ก็เห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม่ก็เลี้ยงดูก้อยมาอย่างดี แม้เราจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ก้อยก็ถูกสอนให้เป็นคนดี อย่าไปเอาเปรียบใคร และอย่าไปคดโกงใคร”  ถ้อยคำพรั่งพรูออกจากเรียวปากสีชมพูระเรื่อของคุณก้อย-ปฏิมา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ขณะให้สัมภาษณ์กับ “SoCeleb”

“ก้อยดำเนินชีวิตด้วยการอยากได้อะไรในชีวิต ก็เก็บหอมรอมริบมาโดยตลอด ก้อยใช้ชีวิตแบบเด็กเรียน  เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี  และวันหนึ่ง ก้อยก็แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งด้วยความหวังจะมีครอบครัวที่มีความสุขตามวิถีคนปกติทั่วไป”

“พอก้อยเริ่มทำธุรกิจ เป็นธุรกิจร้านกาแฟ  ทำเสื้อผ้าแฟชั่นของ working woman และร้านเล็บ ทุกอย่าง ก็ดำเนินไปได้ด้วย ดี แม้จะมีปัญหาอะไรบ้าง ก้อยก็ใช้สติแก้ปัญหา เริ่มจากการทำธุรกิจร้านกาแฟ เป็นร้านที่มีลูกค้าชื่นชอบ ก้อยมีความสุขที่ได้ทำอาชีพที่ทำให้คนที่ชื่นชอบกาแฟมาใช้เวลามีความสุขที่ร้าน

“แต่ด้วยความอยากก้าวหน้าในการทำธุรกิจหลายๆอย่าง ตอนหลังก็เลยเปลี่ยนมาทำธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ทำมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปี มีลูกค้าชื่นชอบและเป็นลูกค้าประจำกันมาเป็นระยะเวลานาน ในขณะเดียวกันก็ เปิดกิจการร้านเล็บ ก็มีลูกค้าประจำที่ชื่นชอบการทำเล็บ เพราะร้านก้อย เราให้ความเป็นเลิศในด้านบริการและฝีมือ ”

“แต่การทำธุรกิจ ย่อมมีวันที่ต้องเปลี่ยนไปทำแบบอื่นๆ เพราะพิษเศรษฐกิจ ทำให้กิจการเสื้อผ้า และ ร้านเล็บต้องปิดตัวไป ท่ามกลางความเสียดายของลูกค้าที่ยังถามหาอยู่เสมอ”

“ความที่ก้อยใช้คำสอนตามศาสนาพุทธ ในการดำรงสติ และการดำรงชีวิต ยังช่วยคนที่มีโอกาสน้อยกว่าตัวเราเสมอ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและพ่อแม่ที่เคารพ ก้อยยังช่วยหมาแมวและคนที่เดือดร้อนหรือไม่สบายเป็นนิสัย”

“แต่ก้อยไม่คิดเลยว่า ในความคิดบวก ความสงสาร ความใจอ่อน ความใจดี กับเพื่อนมนุษย์บางคนแม้กระทั่งแม่บ้าน ที่ก้อยไว้ใจ ใกล้ชิด ยังแฝงตัวเป็นโจรมาขโมยของมีค่ามูลค่าหลายล้านบาท แต่ด้วยกรรมของเขา เขาโดนจับได้ และถูกจำคุก

“และยังมีเรื่องราวเลวร้ายที่ก้อยอยากตำหนิตัวเอง ที่ได้ตัดสินใจ ได้รู้จักและ เข้าร่วมกับสมาคมไฮโซแห่งหนึ่ง ที่คนมีชื่อเสียงในสังคม และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ใครๆก็ มองว่าเขาเป็นคนดี เขาเป็นทอมคนสนิทของไฮโซ  และได้มาพูดจาหว่านล้อมให้เราไปร่วมลงทุนทำธุรกิจขายรถยนต์นำเข้าและรถยนต์มือสอง เราก็ทุ่มไปเป็นล้าน แต่กลายเป็นว่าไม่เคยเห็นรถสักคัน เงินร่วมลงทุนก็หาย ทวงคืนก็ไม่ได้ จนเราต้องแจ้งความดำเนินคดี เรามีหมายจับ และจับได้ถึง 2 ครั้ง ศาลก็ให้ประกันตัว 2 ครั้ง กว่าจะจับตัวได้ เล่นเอาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เหนื่อยเอาเรื่อง เนื่องจากทอมคนนี้ซบอกสาวไฮโซชื่อดัง ให้ที่พักพิง จับครั้งแรกได้ที่หน้าบ้านสาวไฮโซชื่อดังเลยค่ะ ครั้งที่ 2 จับได้ที่หน้างานของสมาคมไฮโซ  ซึ่งเราทำภายใต้กระบวนการยุติธรรมของกฎหมายไทย ขอชื่นชมตำรวจไทยค่ะและตอนนี้ ก็รอขั้นตอนดำเนินคดี เขาจะต้องไปรายงานตัวกับอัยการ”

“อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ ก้อยก็โดนสะใภ้คนดังโกงไปกว่า 20 ล้าน เพราะก้อยเห็นเป็นคนดัง มีหน้าตา มีชื่อเสียงในวงสังคมไฮโซ ก็เลยให้เกียรติและไว้เนื้อเชื่อใจ สุดท้ายโดนโกงเลย”

“ไม่รู้เวรกรรมอะไรของก้อยถึงได้มาเจอแต่คนแบบนี้ คนที่เราคิดว่าเขาเป็นคนดี และไว้เนื้อเชื่อใจ แต่คนดีจริงๆ ก็ต้องดีทั้งต่อหน้าและลับหล้งสิคะ  ไม่ใช่ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง การได้เข้าสังคมไฮโซเพราะ อยากทำกิจกรรมเพื่อช่วยคนด้อยโอกาส แต่ประสบการณ์ได้สอนก้อยว่า ในสังคมไฮโซสวยงาม เริ่ดหรู คนบางคนที่ก้อยรู้จัก ร่ำรวย และใส่ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจดเท้า แต่จิตใจเขาไม่ได้ สูงส่งตามมูลค่าของของที่นำมาประดับเนื้อตัวเลย”

“เขาทำให้ก้อยกลัว เข็ดขยาด และระแวดระวัง เพราะก้อยได้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงให้ลงทุน โคยความ ไว้ใจ  และเห็นแก่หน้าตา ตลอดจนความมีชื่อเสียงและ การมั่งมีเงินทองของเขา”

“ก้อยสูญเสียครอบครัว ต้องกลายมาเป็น ซิงเกิ้ลมัม แต่ด้วยอดีตสามีเค้ามีความพร้อมทางการดูแลลูกมากกว่า เขาจึงเสียสละ ดูแลลูก และตอนนี้ลูกชายของก้อย น้องวินนี่ ปฏิพงษ์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา อายุ 20 แล้ว กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 2 ที่  Sang Myung University ประเทศเกาหลี

กับลูกชายคนเดียว น้องวินนี่-ปฏิพงษ์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา

น้องวินนี่ ลูกชาย(คนขวาสุด) กับเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย

เธอเพิ่งเข้าใจสัจธรรมของชีวิต  “คนรวย คนจน คนมีเงิน คนไม่มี เงิน มันวัดความจริ และความซื่อสัตย์ไม่ได้ จริงๆค่ะ”

“คนบางคน มีเงิน มีชื่อเสียง เป็นตัวแทนของสังคม เป็นผู้สื่อข่าว เป็นเจ้าของ brand ดัง แต่ใช้ชิวีตคดโกง เอาเปรียบคนอื่น คอยแต่จะหาวิธีคดโกงคนอื่น โดยใช้ความมีชื่อเสียงมาหลอกล่อให้เราเชื่อใจและสูญเสียเงินเป็นจำนวนสิบล้านกว่า คนที่ไม่ว่าจะจนหรือรวย ไม่ว่าจะเข้ามาในชีวิตของก้อยในฐานะอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่สอนให้ก้อยได้รู้ถึงวิธีการดำเนินชีวิตและการระแวดระวังตัวในอนาคต”

“เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นชีวิตฉบับกระเป๋าโดยย่อของก้อย ที่อยากให้คนทั่วไปอ่านแล้วได้รู้ว่าในสังคมทุกวันนี้มีแต่ความจอมปลอม คุณอาจเลือกที่จะอยากรู้จักคนรวยและมีหน้าตามีชื่อเสียงในสังคม แต่เค้าก็อาจจะทำร้ายคุณได้ หลอกลวงคุณได้มากกว่าคนที่ยากจนซะด้วยซ้ำ

“จงใช้ชีวิตอย่างมีสติและอย่าเชื่อถือคนที่เปลือกนอกหรือความร่ำรวยและความมีชื่อเสียง มีหน้าตาในวงสังคม เพราะชีวิตของก้อยที่ต้องมาพังลงก่อนหน้านี้ ก็เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจคนที่เขาร่ำรวย เพราะคิดว่าลงทุนกับเขาแล้วจะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดี กลายเป็นความโลภ ต่อไปนี้ก้อยขอให้ผลบุญที่ก้อยได้ช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด จงส่งผลให้เป็นแรงดึงดูดที่ดีใ ห้มีแต่คนดีๅ และเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรเข้ามา ทำให้ชีวิตของก้อยได้สามารถมีเงินมาช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสอีกครั้ง”

ซึ่งทุกวันนี้ คุณก้อยมีความสุขกับธุรกิจร้านอาหารของตัวเองซึ่งมีถึง 3 ร้านคือ  “เล้งแซ่บอร่อยสุด@ ห้วยขวาง” สาขาประชาสงเคราะห์ 36 ,ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือนายจ้าว by เล้งแซ่บอร่อยสุด@ ห้วยขวาง สาขาตลาดโอนโซน ดอนเมือง และสาขาตลาดมะลิ เมืองทองธานี

แต่ละวันของเธอก็จะหายวับไปกับร้านอาหารทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าแทบจะไม่มีเวลาเงยหน้าคุยกับใครเลย

“ก้อยอยู่เวรดูแลร้านกะกลางคืนค่ะ งานของก้อยก็จะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 6 โมงเช้า ตารางชีวิตก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบ สลับเวลากับคนอื่นเขา ก้อยจบงาน ออกจากร้านตอนเช้า และทุกเข้าก็จะแวะใส่บาตรค่ะ เวลาว่างส่วนใหญ่ จะชอบไปทำบุญตักบาตร สร้างความสุขให้ตัวเอง ทุกขณะจิตก็จะอธิษฐานอย่างเดียวคือ ไปที่ใดขอให้เจอแต่เพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร ไม่ขอเจออีกแล้วเพื่อนประเภทมาขอยืมเงิน ยืมไปหลายหมื่น กว่าจะใช้คืนหมดก็ผัดแล้วผ่อนอีก ใช้คืนทีละพัน สองพันเป็นเวลาถึง 2-3 ปี”

นอกจากทำธุรกิจร้านอาหารแล้ว คุณก้อยกำลังซุ่มจะเปิดตัวอีกหนึ่งธุรกิจคือ “น้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่นที่อร่อยที่สุดในโลก” มีเป้าหมายไม่เพียงแค่ขายในประเทศเท่านั้น แต่จะ “โกอินเตอร์” เลยทีเดียว เพราะตัวเองมีสูตรลับสุดพิเศษที่การันตีได้ว่าอร่อยเลิศ ชนิดใครบอกไม่อร่อย คุณก้อยจะให้เตะก้านคอ เอ๊ย! จะไม่คิดเงินค่ะ

“ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เชื่อว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ได้ ที่ยึดหลักซื่อสัตย์ ขยัน อดทน จริงใจ ไม่คดโกงใคร ไม่อยากได้ของคนอื่น ธุรกิจนั้นมันต้องไปได้ดีอยู่แล้วค่ะ และก้อยก็มีปรชญาการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อไปตามกระแส ที่สำคัญคือ ตอนนี้ก้อยท่องจนขึ้นใจเลยว่า เราจะไม่ใจอ่อนกับใครอีกเป็นอันขาด”

ประวัติศาสตร์ไม่ควรจะซ้ำรอยนะคะ

 

 

%d bloggers like this: