“หมอเล็ก โบราณ” กรรณิการ์ (ขาวโต) เสี้ยนสลาย ชีวิตขึ้นเขาลงห้วย ดวงรุ่งและร่วง ชะตาพลิกผัน จนต้องหันมาเป็น “หมอดู” มืออาชีพ

 

“หมอเล็ก โบราณ”  กรรณิการ์ (ขาวโต)  เสี้ยนสลาย

ชีวิตขึ้นเขาลงห้วย  ดวงรุ่งและร่วง ชะตาพลิกผัน

จนต้องหันมาเป็น “หมอดู” มืออาชีพ

าวสุพรรณฯเลือดนักสู้ ผู้มีพ่อเป็นทหารผ่านศึก มีแม่เป็นแม่บ้านที่ใจดีและใช้เวลาว่างเป็นแม่ค้า ขายของเล็กๆน้อยๆ แต่มีลูกเยอะถึงสิบคน พ่อแม่เลี้ยงไม่ไหวจนต้องยกเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนที่ 6 ให้ป้าไปช่วยเลี้ยงจนเรียนถึงชั้นป.5 แล้วชะตาชีวิตที่ผาดโผนโจนทะยานก็ทำให้เธอถูกป้ายกต่อให้ครูอีกคนหนึ่งเอาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม จน เรียนจบ ป.6 พี่สาวของเธอก็คว้าตัวหนีมาทำงานในไร่มันสำปะหลังที่เมืองกาญจนบุรีเพราะเพิ่งรู้ว่าพ่อบุญธรรมเป็นโรคประสาท ยามอารมณ์ร้ายจะลุกขึ้นมาตบตี คนใกล้ตัว ซึ่งเธอก็เคยโดนตบจนหน้าตาบวมมาแล้ว2ครั้ง ชีวิตเธอ ดราม่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวจริงๆ

พออายุ 15-16 พ่อแม่ห่วงว่าจะไม่มีอาชีพเลี้ยงตัว เลยส่งให้ไปเรียนเสริมสวยและตัดเย็บเสื้อผ้าที่ศูนย์ฝึกฝนอาชีพจนจบหลักสูตร จากนั้นได้เปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าแถวบ้าน  เปิดๆปิดๆร้านอยู่หลายครั้งเพราะดวงที่ขึ้นๆลงๆ จนเจ้าตัวเองก็ยังงงๆกับชีวิต จากร้านตัดเย็บเสื้อผ้า เธอเปลี่ยนแนวมาเปิดร้านอาหาร ทั้งที่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่  และภูเก็ต  แล้ววันหนึ่งชะตาก็ชักพาให้ต้องเปลี่ยนอาชีพ โดยกลับมาเปิดร้านตัดเสื้อผ้าอีกครั้ง ชีวิตวกไปวนมา จนสุดท้ายเธอต้องปล่อยชีวิตให้ เป็น “ไปตามดวง” เพราะเหนื่อยแล้วที่จะ “ฝืนดวง”

มันเป็นดวงของเรา

เธอสรุปสโคปดวงของตัวเธอเองว่า “ มันเป็นเพราะดวงของเรานั่นเอง ที่ชีวิตพอทุกอย่างมันกำลังดี๊ดี กำลังได้ที่และ “อยู่ตัว” มันก็จะมี “อะไรๆ” หรือ “มารผจญ” ทำให้ต้องพลิกผันกลับกลายไปเป็นอีกแบบอยู่ตลอดเวลา”

เธอยกตัวอย่างว่า เช่นวันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำร้านอาหารอยู่ดีๆที่ภูเก็ต  พอลูกค้ารู้ว่าเธอเคยเป็นช่างตัดเสื้อมาก่อน  ก็เลยเอาผ้ามาให้ตัดชุดซะงั้น จากไม่กี่คนกลายเป็นหลายคนและตอนหลังก็แห่กันมากันเยอะแยะ จนเธอต้องปิดร้านอาหาร แล้วกลับมาเปิดร้านตัดเสื้อผ้าอีกครั้ง ทั้งๆที่จักรเย็บผ้าของเธอมันเน่าไปแล้ว

ชีวิตที่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมายิ่งกว่านิยาย ทำให้เธอค้นหาคำตอบ จนมาเจอคำตอบแบบกระจ่างแจ้งแดงแจ๋จาก “ดวง” ของตัวเองในคำพยากรณ์ “กร๊าฟชีวิตแบบโบราณ” ของลุงที่เคยดูให้ไว้ตั้งแต่สมัยเธอยังเด็กๆ  ชีวิตเธอเลยมาจบที่อาชีพหมอดู กลายเป็น “หมอเล็ก โบราณ” รับทำนายดวงชะตาราศี หาเงินมาเลี้ยงดูลูก 2 คนจนจบปริญญาโททั้งคู่  และตอนนี้เธอยังมีภาระต้องดูแลแม่วัย 92 ที่กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย

“เหนื่อยมามากแล้วกับการฝืนดวงค่ะ ทุกวันนี้ เลยต้องปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามดวงดีกว่า แต่เราก็พยายามทำแต่ละวันของชีวิตเราให้ดีที่สุด มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปให้ดีที่สุด จะไม่ครำ่ครวญหวนไห้ หรือตัดพ้อต่อว่าชะตา  เมื่อวานมันก็จบไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง ไม่ต้องไปกังวลถึงมัน ” หมอเล็ก โบราณ กล่าวอย่างคนเข้าใจชีวิต

“วัยเด็ก ชีวิตเราก็ลำบากมามากพอแล้ว  ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนคนอื่นเขา” เจ้าตัวเล่าเสียงกังวานสดใส ไม่ได้ตัดพ้อหรือน้อยใจกับโชคชะตาวัยเด็กสักนิด

“ ความรู้ก็น้อยนิด ได้เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.6 ก็ไม่ได้เสียใจนะคะ คิดเพียงว่าวาสนาเรามีแค่นั้น แต่สมัยเรียนหนังสือเราก็สอบได้ที่ 1 ไม่เกินที่ 3 ตลอด (น้ำเสียงบ่งบอกถึงความภูมิใจ) อ้อ,  สุ้มเสียงของเราก็ดีซะด้วย (หัวเราะเสียงใสพลิ้ว) ตอนเด็กๆ เราชอบร้องเพลง  ไม่เคยไปฝึกหรือหัดร้องเพลงกับใครที่ไหนหรอก ฟังจากวิทยุทรานซิสเตอร์ในไร่อ้อย  แล้วก็แหกปากร้องตามวิทยุไป ร้องทุกวันมันก็คงเป็นการฝึกที่ดีเหมือนเราลับมีดทุกวัน  สมัยอายุ 18-19 เคยไปประกวดร้องเพลงในงานวัดแถวบ้าน  จำได้ว่าร้องเพลงชื่อ “สาริกาคืนถิ่น”  ของ แม่ผ่องศรี วรนุช  ก็ได้รางวัลชนะเลิศมา และตอนนั้นมีแมวมองมาชวนไปอัดแผ่นเสียงที่กรุงเทพฯ เราก็เด็กบ้านนอกนะ  กลัวโดนหลอก เลยไม่กล้าไป ”  พูดจบเธอก็ฮัมเพลงนั้นให้ฟังอย่างอารมณ์ดี  ยอมรับว่า แก้วเสียงและลูกคอของเธอ แจ่มมาก หากดวงไม่เล่นตลกซะตอนนั้น เธอคงกล้าไปอัดแผ่นเสียงและโด่งดังเปรี้ยงปร้างไปแล้ว

สาวเลือดสุพรรณฯคนนี้ ยามเจอใคร เธอก็กล้าเชิดหน้ายืดอกบอกใครต่อใครได้อย่างไม่อายว่าชั้นจบแค่ชั้น ป.6  

แล้ววันหนึ่ง ดวงอันแสนพิลึกกึกกือของเธอก็นำพาให้เธอได้มาเจอนางแบบสาวชื่อดัง คุณติ๋ม เพ็ญพร ไพฑูรย์ ที่กรุงเทพฯ จนทั้งคู่รักใคร่สนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้องกันมาแต่ปางก่อน เป็นที่มาของการได้มีโอกาสตัดเย็บเสื้อผ้าให้เหล่านางแบบและสาวไฮโซหลายคน

ความสนิทสนมและชอบเรื่องการทำอาหาร จนสุดท้ายวันหนึ่ง ทั้งคู่ก็ได้กอดคอกันไปเปิดร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋และมีสไตล์สำหรับเหล่าไฮโซฯที่เมืองเชียงใหม่

ชีวิตไม่ได้หอมหวานหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน ร้านอาหารหลังจากประสบความสำเร็จสูงสุด ก็เริ่มสโลว์จนต้องปิดร้านลงในที่สุด

“ดวงเราเองก็เหมือนร้อนที่อยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ไหนนานๆไม่ค่อยจะได้ (หัวเราะ) ถ้าหยิบไพ่ยิปซีก็คือไพ่เทมเพอแรนซ์ (Temperance) เป็นไพคนเทน้ำ ต้องโยกย้ายไปเรื่อยๆจึงจะเจริญ อยู่ที่ไหนนานๆจะเฉาตาย (หัวเราะ)  ตอนนั้นไม่อยากอยู่แล้วเชียงใหม่ คุณสิทธิ์ -สามีของเราซึ่งบ้านเกิดอยู่ภูเก็ตเค้าชวนว่าเราลองไปลุยที่ภูเก็ตดูกันดีกว่า ก็เลยมูฟจากเชียงใหม่ ไปภูเก็ต ความที่เรายังชอบทำอาหาร ก็เลยเปิดร้านอาหารกันใหม่ที่ภูเก็ต”

เปิดร้านอาหารใหม่ไม่ทันไร เธอก็ต้องปวดหัวกับดวงชะตาที่ตามมาเล่นตลกกับเธออีกครั้ง

“มีอย่างที่ไหน เราก็ตั้งใจทำร้านอาหารสุดฤทธิ์  หวังจะให้ร้านมันปัง และติดอันดับตามประสาคนที่ทำอะไรก็ทำอย่างเต็มที่สุดฝีมือฝีเท้า  แต่ไม่ทันไรก็เจออีกแล้ว พอลูกค้าเริ่มรู้ว่าเราเคยเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อน ก็เริ่มเอาผ้ามาให้เราตัดชุด แรกๆก็ไม่เท่าไหร่ ไปๆมาๆ ลูกค้าเยอะขึ้นเยอะขึ้น จนไม่มีเวลาจะทำอาหารขาย และตอนนั้นเราก็มีบทเรียนสมัยจากก่อน ที่เปิดร้านใหม่ๆ คือสมัยนู้นที่เคยรุ่งมากๆ ลูกค้าเยอะ แต่ความที่เราไม่ตรงต่อเวลา ตอนหลังลูกค้าเลยหนีหมด(หัวเราะ)   ตอนนั้นเรายังเป็นเด็ก ยังไม่คิดจะแก้ไขนิสัยนี้  พอลูกค้าหายหมดเลย ทำไงล่ะ ก็ปิดร้านสิ…ช่วงนั้นก็ถือว่าล้มลุกคลุกคลาน เปิดร้านแบบปิดๆเปิดๆอยู่หลายรอบ มันเลยได้บทเรียนว่าเรื่องตรงต่อเวลานี้สำคัญนะ ไม่ใช่ทะนงตนว่ามีฝีมือแล้วไม่ตรงต่อเวลา นัดลูกค้าวันไหน เราต้องวันนั้นเป๊ะ เพราะบางทีลูกค้าเค้าจะใส่ชุดนั้นไปงาน ถ้าถึงวันนัดแล้วชุดไม่เสร็จ แบบนั้นตายเลย งานเงินพังหมด  ตอนหลังจึงกลายเป็นคนตรงต่อเวลาและเกลียดมาก กับคนที่ไม่ตรงต่อเวลา”

ชีวิตหักเหอีกครั้ง

“ใช่ค่ะตอน เปิดร้านอาหารที่ภูเก็ต แต่เจ้าของร้านกลับต้องมานั่งตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูกค้าบานตะไท จนไม่มีเวลาทำอาหารเลย วันหนึ่งเราเลยรู้สึกว่า ตัวเองนี่ท่าจะบ้า  เพราะไม่มีเวลาขายอาหารเลย ช่วงนั้นจึงตัดใจ เพราะทำร้านอาหาร ก็ไม่ได้เห็นเงินเป็นกอบเป็นกำหรอกนะ  เหนื่อยก็เหนื่อย แต่แปลกมากที่ตอนนั้นเงินที่ได้จากการตัดเสื้อผ้า มันเห็นเป็นกอบเป็นกำ ทำรายได้ดีกว่าตอนที่ตัดเสื้อผ้ายุคแรกๆซะที  สุดท้ายเลยตัดสินใจปิดร้านอาหารตามสั่ง และกลับมาเปิดร้านตัดเสื้อผ้า คราวนี้เรื่องใหญ่สิ เพราะมาดูเครื่องมือเครื่องไม้ โดยเฉพาะจักรเย็บผ้าที่เราปล่อยทิ้งไว้นานจนเรียกได้ว่าจักรเน่าเลยละ เราก็ต้องมาลงทุนใหม่”

พอทำร้านเสื้อผ้ามาได้อีกสักพักก็มีคนมาให้ดูดวง

“กำลังรุ่งๆอยู่กับการตัดเสื้อผ้าได้พักใหญ่  ดวงก็เล่นตลกอีกละ คราวนี้ มีลูกค้าที่พอรู้ว่าเราดูดวงได้ ก็มาดูดวงกับเรา  มันเริ่มจากที่เราเคยปวดหัวกับดวงตัวเองเหลือเกินว่าทำไมมันขึ้นๆลงๆจนเหนื่อยแบบนี้ วันนึงก็เลยมานั่งดูดวงของตัวเอง จาก “กร๊าฟชีวิต” ที่อาจารย์ซึ่งเป็นลุงของเราเองดูไว้ให้ตั้งแต่สมัยเรายังเด็กๆ แต่เราไม่เคยสนใจ ถึงได้รู้ว่าดวงของเรามันเป็นเช่นนี้เอง คือมันไม่ราบรื่นเหมือนคนอื่นๆ มันจะขึ้นๆลงๆแบบพุ่งปรี๊ด และดิ่งปรู๊ด  ผาดโผนโจนทะยานอย่างน่ากลัว  และในรอบ 12 ปีมันก็จะวนกลับมาเป็นเช่นนั้นอีก นี่เองจึงทำให้เราหันมาสนใจศาสตร์การดูดวงแบบกร๊าฟชีวิตอย่างแท้จริง และเริ่มต้นดูให้คนรอบข้างแบบไม่คิดเงิน ดูให้เขาเพราะเห็นเขามีปัญหาชีวิต แล้วปากตอปากก็บอกกันต่อๆไปว่าแม่น จากที่ไม่เคยเอาตังค์ และไม่เคยขึ้นครู จนวันหนึ่งเราป่วยแบบขี้แตกขี้แตนจนนึกว่าเป็นโรคเอดส์ซะแล้ว เพราะช่วงนั้นโรคนั้นมันกำลังฮิต แต่ความจริง มีผู้รู้ทักว่า เราเที่ยวเอาวิชามาดูดวงให้คนเล่นๆโดยไม่ ได้ “ยกครู” และ“ครอบครู” คือบอกกล่าวครูบาอาจารย์ มันผิด เราก็เลยทำพิธียกครูและครอบครูเรียบร้อยแล้ว และการดูดวงแต่ละครั้งหลังจากนั้นก็จะมีค่ายกครูเป็นเรื่องเป็นราว  ”

การดูดวง “ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่”

“พูดถึงเรื่องการดูดวงนะคะ  บางคนหรือหลายคน อาจจะไม่เชื่อเรื่องดวง และมองว่า การดูหมอหรือดูดวง หรือตรวจเช็คดวงชะตา  เป็นเรื่องงมงาย น่าขัน  แต่หมอเล็ก โบราณอยากจะบอกว่า เรื่องดูดวงหรือ โหราศาสตร์ มันเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่งที่มีมาแต่โบราณกาลนานมาแล้ว แม้แต่พระมหากษัตริย์ยามจะยกทัพจับศึก หรือจะกระทำพิธีการมงคลต่างๆยังต้องมีโหรหลวงคอย ทำนายทายทักเรื่องฤกษ์ยงงามยามดี และเวลาเหล่าคหบดีได้กำเนิดทายาทใหม่ ก็มักจะเอาฤกษ์เกิดของทายาทไปผูกดวงเพื่อจะได้รู้โชคชะตาราศี  ถึงเราไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็อย่าได้ลบหลู่  รู้ไว้ก็ไม่เสียหลาย  การดูดวงมันก็เหมือนกับการที่เราได้รู้จักแผนที่ชีวิตของตัวเราเอง จะได้รู้ว่าช่วงไหนชีวิตจะขึ้นจะลง จะเจอหลุมเจอบ่อหรืออุปสรรคขวากหนามอย่างไร เราจะได้ระวังตัวเองไว้ไม่ประมาท”

“อย่างตัวหมอเล็ก โบราณ เองก็ผ่านมาหมดแล้ว สมัยก่อนที่เรายังไม่รู้จักดวงของตัวเอง เราก็จะทุกข์ร้อนทรมาน และวิ่งๆๆหาทางออกจนเราเหนื่อย แต่พอเรากางแผ่นดวงจากกร๊าฟชีวิตของเราออกมาดู เราเหมือนได้เห็นแผนที่ชีวิตตัวเอง ว่าช่วงอายุเท่านั้นเท่านี้ ดวงมันขึ้นหรือมันตกยังไง ตกที่อะไร บางคนตกเลขอาญามรณะ บางคนตก เพื่อนหายนะ บางคนตกทรัพย์มรณะ หรือบางคนตกวาสนาคู่กับความสุข แค่เราได้รู้ว่าอ้อ มันเป็นเช่นนี้เอง เราก็จะได้เลิกกลัดกลุ้มใจ เลิกร้อนรน หรือวิ่งหน้าตั้งหาทางออกจนเหนื่อยล้า  เราจะได้ทำใจ หรือตั้งหลักหาทางแก้ไขปัญหา”

ทางออกของตัวเอง

“ตอนนี้เราเจอทางออกหมดแล้ว เพราะเราได้เห็นว่าชีวิตคนเรามันก็เป็นไปตามดวง ใครที่ว่าข้าขอลิขิตชีวิตข้าเอง เอาเข้าจริง นาทีนั้น เรื่องนั้น ต่อให้คุณวิ่งสู้ฟัด วิ่งหน้าตั้งหรือวิ่งสุดตีน จะบังคับมันแค่ไหน จะฝืนมันอย่างไร ก็ไม่มีทางฝืนดวงชะตาของตัวเองไปได้ ที่ทำได้ อย่างเช่นตัวหมอเล็ก โบราณเอง เวลาดวงเราไม่ดี หรือดวงตก  เราก็จะหันไปทำบุญทำทาน ไปใส่บาตร ไปสวดมนต์ไหว้พระ อย่างน้อยมันก็จะทำให้เราสบายใจ ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา จากร้อนใจก็จะเย็นใจ และได้ทำใจ ปล่อยวาง”

“ผิดกับการที่เราไม่เคยรู้เลยว่าดวงของตัวเองมันเป็นยังไง ควรจะไปทางไหน  แล้วเราก็ได้แต่ตะบี้ตะบันฝืนดวงอยู่ร่ำไป ซึ่งสุดท้ายก็เหนื่อยเปล่า เหมือนคุณจะเดินทางไปไหนสักแห่งแล้วไปไม่เป็นมันก็ต้องใช้แผนที่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหลงทางให้เหนื่อยและเสียอารมณ์ ดวงของคุณมันก็เหมือนกับแผนที่ชีวิตของคุณ”

ใครยังไม่รู้จักดวงหรือแผนที่ชีวิตของตัวเองและต้องการเช็คดวงกับ “หมอเล็ก โบราณ” สามารถติดต่อกับเธอได้โดยตรงที่ 094 489  5325

 

 

 

 

%d bloggers like this: