สมศักดิ์ เรือนช้าง ช่างผมระดับตำนาน วันนี้สวมหมวก Solo Artist

                            (บน)คุณเล็ก -สมศักดิ์ เรือนช้าง ต่อให้เลข7 ขึ้นหน้า ก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้

สมศักดิ์ เรือนช้าง ช่างผมระดับตำนาน

วันนี้ขอสวมหมวก Solo Artist 

จับกรรไกรตัดผมครั้งแรกตั้งแต่อายุ  17 ฤดูฝน  จนทุกวันนี้ เลข 7 นำหน้ามาก็หลายปี คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง เจ้าของร้านทำผม “เดอะ เบสท์”  แห่งซอยอโศก ที่โด่งดังเมื่อ 30 ปีก่อนก็ยังไม่ยอมวางกรรไกรตัดผมคู่ใจ ทั้งๆที่อยากจะวางมือมาหลายปีแล้ว

“ที่วางไม่ได้ เพราะ หนึ่ง มันเป็นอาชีพเดียวที่เราทำมาตลอด และสอง ลูกค้าเก่าๆของเราไม่ยอมให้วาง เนื่องจากเขารักเรา ติดใจเรา และไว้ใจฝีมือเรา เพราะเรารู้ใจเขา จนขาไม่ยอมไปตัดผมที่อื่นเลย ต้องตัดกันต่อไปจนกว่าจะตายไปข้างนึง  หรือลูกค้าบางรายที่รอไม่ได้ หนีไปตัดที่อื่น สุดท้ายก็ต้องวิ่งโร่กลับมาหาเราเหมือนเดิม”  คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง อธิบายเหตผลของการวางกรรไกรยังไม่ได้

ทุกวันนี้ คุณเล็กยังตัดผมให้ลูกค้าเหมือนเดิม แต่มี “กฎเหล็ก”  อยู่ว่า ลูกค้าท่านใดจะมาใช้บริการ ต้องโทรมานัดหมายล่วงหน้าก่อน จะโผล่พรวดพราดมาแบบไม่นัดหมาย  รับรองเป็นม่ายแน่นอน  เพราะทุกวันนี้ คุณเล็กทำผมแบบ “ Solo Artist” นั่นคือ ทำเองทุกอย่างเบ็ดเสร็จด้วยตัวเองคนเดียว  โดยแต่ละวัน จะรับลูกค้าที่มีรายชื่ออยู่ในคิวนัดหมาย ของคุณเล็กเท่านั้น

ขี้เกียจหาเงินให้ลูกน้องใช้อีกแล้ว” นั่นคือเหตุผลสั้นๆ แต่กระจ่างชัดของคุณเล็ก

“และที่สำคัญก็คือ ลูกค้าต้องการให้เราลงมือทำเองทุกอย่าง เพราะรู้ใจ และไว้ใจเราอยู่คนเดียว”   ศิลปินเดี่ยวอย่างคุณเล็กเลยเหนื่อยอยู่คนเดียว

หลายคนคงอยากรู้ว่าคุณเล็กมีกลเม็ดเคล็ดลับอะไร ถึงได้มัดใจลูกค้าอยู่หมัดแบบนี้

คุณเล็กไขข้อข้องใจนี้ว่า ตัวเองยึดหลักง่ายๆคือ ทำผมให้เหมาะกับคาแรกเตอร์และอาชีพของลูกค้า บางครั้งต้อง “Educate “ ลูกค้า ให้ลูกค้ารู้ว่า อะไรที่เหมาะกับตัวเอง นอกจากนั้น ก็ให้ลูกค้าสามารถ “พึ่งพาตัวเองได้” ไม่ต้องวิ่งไปร้านผมบ่อยๆหรือแทบทุกวัน ประการสำคัญสุด ให้ลูกค้าได้ “รีแล็กซ์” เวลามาใช้บริการที่ร้าน

“ช่างผมส่วนใหญ่  เค้าจะมองตามแฟชั่น และตามใจลูกค้า คือลูกค้าต้องการแบบไหน ก็จัดให้ เพราะลูกค้าคือพระเจ้า แต่ลูกค้าที่มาทำผมกับสมศักดิ์ เรือนช้าง เราไม่ตามใจลูกค้า  แต่เราจะให้ความรู้กับลูกค้าว่า ลักษณะเส้นผมแบบนี้ รูปหน้าแบบนี้ อาชีพการงานแบบนี้ เขาควรจะทำผมแบบไหน และเราต้องรู้ไปถึงว่า  เขามีเวลาสระผมบ่อยมั้ย

ต้องให้เขารู้ว่า ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามแฟชั่น และไม่ต้องอยู่กับความเชื่อเก่าๆ ว่าเราจะต้องทำผมแบบนี้แหละ  ซึ่งคุณทำมาตั้งนานชาติ  ตั้งแต่สมัยคุณยังหนุ่มๆสาวๆ หรือสมัยคุณมีผมหนาๆ จนกระทั่งผมบางเกือบจะหัวล้านแล้วแบบนี้…” เป็นที่รู้กันดีในวงการ ว่าคุณเล็กจะเป็นคนพูดแรง แต่ตรงชนิดปาดขั้วหัวใจเลยทีเดียว

“คือเราต้องอธิบาย และทำให้เขาเห็นเลยว่า มาทำผมที่นี่แล้ว  คุณไม่ต้องเข้าร้านเลย ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านไปไดร์ผมเลย  อันนี้ลูกค้าพูดนะ  ไม่ใช่เราพูด  อย่างลูกค้าจะไปเมืองนอก  หรือลูกจะไปเรียนเมืองนอก มาตัดผมกับเรา แล้วเขาหมดห่วงเรื่องผม ไม่ต้องเข้าร้านไดร์ผม หรือเซ็ตผมให้เปลืองทั้งเงินและเวลา”

“เราจะแนะนำลูกค้าว่าอย่าฝืนธรรมชาติ  เมื่ออายุมากแล้ว ก็อย่าฝืนไปย้อมสีซะดำปี๋ หรือทำผมตีโป่งเป็นจานดาวเทียมอยู่นั่นแหละ เราตองให้ความรู้ลูกค้า  ว่าไม่ต้องวิ่งตามแฟชั่น หรือฝืนธรรมชาติ ซึ่งที่สุดแล้ว ลูกค้าก็เชื่อเรา  และยอมให้ทำอะไรก็ได้ ที่เราออกแบบให้ เพราะเขาได้เห็นแล้วกับตัวเอง”

คุณเล็กให้ทัศนคติว่า  “ผมมองว่าอาชีพช่างผมมันเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง  เหมือนงานแกะสลักหิน หินแข็งๆ แห้งๆ ก้อนนั้น เราเป็นช่าง จะแกะสลักยังไงให้หินออกมาดูสวย ดู พลิ้ว มีชีวิตชีวา ไม่แข็ง ไม่แห้ง  นี่คือ ลูกค้าของเรา  เค้าจะไว้ใจ มอบให้เราดีไซน์ให้ ตอนแรกๆอาจจะไม่ชอบใจ หรือขัดใจ แต่พอกลับบ้านไป หรืออยู่ไปสักพัก เค้าจะรู้เลย ถึงความแตกต่าง ซึ่งช่างผมต้องรู้ว่า ลูกค้าแต่ละคน คือโจทย์  เราต้องตีโจทย์ตรงนี้ให้แตก  ที่เราเรียนมา มันเป็นทฤษฏี แต่ เวลาตัดผมจริง เราต้องทิ้งตำรา  เพราการตัดผม มันคือศิลปะ  ไม่มีกรอบ”

คุณเล็กทิ้งท้ายว่า  “ที่สำคัญ  เวลาลูกค้ามาทำผมที่ร้าน เราจะให้เขาได้รีแล็กซ์  อย่าง เราทำผมแล้วลูกค้านั่งหลับ เพราะ เค้านอนดึก เค้าเหนื่อยมา เราก็จะปล่อยให้เขาหลับไปเลย   เพราะการมาทำผม มันไม่ใช่แค่มาสระ ตัด ไดร์ หรือทำสีผม  แต่มันเป็นการรีแล็กซ์   สมัยมีลูกน้อง ผมจะสอนลูกน้องทุกคนเลย  เวลาทำผมห้ามคุย ห้ามใส่กำไลดังกรุ๊งกริ๊ง  และถ้าลูกค้าหลับ ก็จงปล่อยให้เค้าหลับไป  มาร้านผม มันรีแล็กซ์ เค้าจะสบาย จะหลับหรือหลุดโลกก็ปล่อยเขา  อยู่กับลูกค้า ห้ามพูด ห้ามไปเสนอหน้า มันเป็นกฎเหล็ก บางที จะบอกให้ว่าลูกค้าเค้าไม่มีอารมณ์จะเสวนากับใครหรอก ถึงจะสนิทแค่ไหนก็ตาม มาร้านผม  เค้าอาจจะอยากหลับ พักผ่อน”

ทำผมมานานจนค่อนศตวรรษแล้ว คุณเล็กบอกว่าเจอลูกค้าสารพัดรูปแบบ ที่น่ารักก็เยอะ ที่น่าเบื่อหน่ายก็ไม่น้อย คุณเล็กกระซิบว่าขอกัดตรงนี้หน่อยเหอะ

“ลูกค้าที่น่าเบื่อหน่าย ก็คือลูกค้าที่ไม่ตรงเวลา นัดแล้วมาไม่ตรงเวลา ทำให้คิวนัดของคนถัดมาต้องเสียหาย เพราะตอนนี้เราทำผมให้ลูกค้าอยู่คนเดียว ใครจะมาต้องนัดหมายก่อน วันนึงเราก็รับลูกค้าเท่าที่เราสะดวก มันจะมีตารางนัดลูกค้า ถ้ารายแรกมาไม่ตรง มันก็จะกระเทือนไปถึงลูกค้ารายต่อไป บางราย ครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มา บางรายยังอยู่เมืองกาญจน์ฯ หรือพัทยา  แต่โกหกว่าอยู่บนทางด่วน  บางราย นัดแล้วไม่มาและก็ไม่โทรมาบอกอีกต่างหาก ปล่อยให้เราคอยอยู่นั่นแหละ

เฮ้อ! เห็นใจหัวอกช่างผมมั่งเหอะคุณลูกค้าขา

พราะเหตุนี้ ลูกค้าท่านใดจะมา ก็กรุณาโทรนัดหมายล่วงหน้าก่อน ที่เบอร์นี้นะคะ 081 726 3371

——————-

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง

คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง เป็นเจ้าของร้านผมชื่อ “The Best” (เดอะ เบสท์) ในซอยอโศก (สุขุมวิท 21) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในอดีต เขาเคยทำสถิติว่าเป็นร้านตัดผมที่มีสาขามากที่สุดในกรุงเทพฯ (แถมสยายปีกไปถึงพัทยาโน่น) และฝีมือขยับกรรไกรแบบกระชากใจลูกค้าให้ติดหนึบของคุณเล็ก เคยสร้างสถิติขึ้นทำเนียบว่าเป็นช่างผมที่น่าหมั่นไส้ที่สุดแห่งยุค เพราะร้านอื่นช่างต้องนั่งรอลูกค้าคอยาวเป็นยีราฟ  แต่ร้านคุณเล็ก ลูกค้าทะลักร้านและต้องรอคิวยาวที่สุด มีลูกค้ารายหนึ่ง ไม่ยอมพูดกับคุณเล็กมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเคืองที่ต้องนั่งรอตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงบ่ายสอง (หลับแล้วหลับอีก) จึงได้คิวตัดผม

นอกจากนั้น ช่างผมมือฉกาจระดับ “ตำนาน” ท่านนี้ ยังสร้างประวัติศาสตร์ว่าเป็นช่างผมที่ได้รับความไว้วางใจจากช่อง 3 โดยมอบภารกิจให้ทำผมให้กับกองประกวด  Miss Thailand World ตั้งแต่สมัยคุณปานเลขา ว่านม่วง ครองตำแหน่ง  จนถึง  คุณลดา เองชวเดชาศิลป์ เป็นปีสุดท้าย ก่อนที่ทางช่อง 3 จะส่งคืนการประกวดให้กับ BEC Tero

(บน) คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง กับ ลูกเกด -เมทินี กิ่งโพยม

(ล่าง) คุณเล็ก-สมศักดิ์ เรือนช้าง กับ อี๊ฟ-ปริญญา ทองศรี

 

%d bloggers like this: