ร่วมเดินทางสู่ดวงดาว กับ 60 ปีแห่ง “สปีดมาสเตอร์”

ร่วมเดินทางสู่ดวงดาว กับ 60 ปีแห่ง “สปีดมาสเตอร์”

 

มีเรือนเวลาไม่กี่เรือนบนโลกที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่าง โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ (OMEGA SPEEDMASTER) จักรกลเวลาเรือนแรกที่ถูกสวมใส่บนดวงจันทร์ จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความช่างประดิษฐ์และทักษะที่พาเราเข้าสู่ความท้าทายแห่งห้วงอวกาศ ในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปีของการเปิดตัว
สปีดมาสเตอร์
โอเมก้า (OMEGA) ขอนำท่านหวนสู่วันแห่งความอาจหาญไปพร้อมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ อย่าง “จอร์จ คลูนีย์” (GEORGE CLOONEY) ร่วมดื่มด่ำกับ 10 เรือนเวลาโครโนกราฟรุ่นประวัติศาสตร์ ที่ต่างขับขานเรื่องราวเฉพาะตัวของตน แต่ยังคงจิตวิญญาณของสปีดมาสเตอร์ไม่เปลี่ยนแปลง สุดยอดเรือนเวลาผู้บุกเบิกสู่พรมแดนใหม่พร้อมมนุษยชาติ

“ซีเค 2915” จุดกำเนิดแห่งตระกูลสปีดมาสเตอร์: โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ เรือนเวลาโครโนกราฟอันเลื่องชื่อที่ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจากองค์การนาซา ไอคอนนิค วอชท์ที่นักบินอวกาศคนสำคัญต่างไว้วางใจ –
ปี 1957 จุดเริ่มต้นแห่งการเดินทางของตระกูลสปีดมาสเตอร์ กับ
“ซีเค 2915” นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกที่มาพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือนและเข็มนาฬิกาดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์อย่าง “บรอด      แอร์โรว์” (BROAD ARROW) ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน คาลิเบอร์ 321 จักรกลเวลาที่ออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเหล่านักแข่งรถและการจับความเร็วอย่างแท้จริง


สปีดมาสเตอร์ “ซีเค 2998” ก้าวแรกสู่อวกาศ:
ปี 1959 กับ สปีดมาสเตอร์ “ซีเค 2998” เวอร์ชั่นอัพเดทที่สร้างตัวตนให้แตกต่างออกไปจากต้นฉบับ ด้วยการริเริ่มใช้ขอบตัวเรือนอลูมิเนียมสีดำและเข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีทรง “แอลฟ่า” (ALPHA) โดยในปี1962 สปีดมาสเตอร์ได้เปิดฉากการผจญภัยสู่อวกาศเป็นครั้งแรก เมื่อวอลเตอร์ เชอร์รา (WALTER SCHIRRA) หนึ่งในนักบินอวกาศของโครงการเมอร์คิวรี่ (MERCURY) ได้สวมใส่จักรกลเวลานี้เป็นการส่วนตัว ขณะเข้าร่วมภารกิจบนยานซิกมา 7 (SIGMA7) – จุดเริ่มต้นที่นำไปสู่บททดสอบอันเลื่องชื่อจากองค์การนาซา

สปีดมาสเตอร์ ปี 1963 – บททดสอบและการรับรองอย่างเป็นทางการจากนาซา: ปี 1964 เมื่อหลากหลายแบรนด์ชั้นนำต่างส่งเรือนเวลาของตนเข้ารับการทดสอบแบบสุดขั้วสำหรับคุณสมบัติด้านการบินจากองค์การนาซา บทพิสูจน์ครั้งสำคัญที่ส่งให้โอเมก้าก้าวสู่ความท้าทายอีกระดับ เมื่อสปีดมาสเตอร์ ปี 1963 REF. ST105.003 กลายเป็นจักรกลเวลาเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถผ่านการทดสอบอันหฤโหดทั้งหมด สปีดมาสเตอร์จึงได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการให้เป็นเรือนเวลาโครโนกราฟที่เหมาะสมกับภารกิจนำมนุษย์ไปยังอวกาศจากองค์การนาซา ยิ่งไปกว่านั้นสปีดมาสเตอร์ ปี 1963 ยังนับได้ว่าเป็นสปีดมาสเตอร์เรือนแรกที่ถูกสวมใส่โดยนักอวกาศ เอ็ดเวิร์ด ไวท์ ขณะปฏิบัติภารกิจจริงหรือที่เรียกว่า “สเปซ วอลค์” ในห้วงอวกาศของภารกิจยานเจมินี 4 (GEMINI 4) ในปี 1965 อีกด้วย- เรือนเวลาที่มอบทั้งความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือสูงสุดให้แก่เหล่านักบินอวกาศ

 

สปีดมาสเตอร์ ปี 1964 – ดีไซน์ตัวเรือนอสมมาตร: ในปีเดียวกัน ขณะที่กระบวนการทดสอบขององค์การนาซาดำเนินไปอย่างเข้มข้น งานออกแบบของสปีดมาสเตอร์ก็พัฒนาไปอีกระดับ กับดีไซน์ตัวเรือนทรงอสมมาตรรุ่นแรก หนึ่งในเอกลักษณ์เฉพาะที่สะท้อนตัวตนของสปีดมาสเตอร์ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมคุณสมบัติการปกป้องมากยิ่งขึ้นให้กับทั้งเม็ดมะยมและปุ่มกด
หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาไปอีกขั้นในปี 1967 ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรือนเวลารุ่นสุดท้ายที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน คาลิเบอร์ 321 อีกด้วย – สุดยอดกลไกที่มอบความเที่ยงตรงระหว่างการลงจอดบนดวงจันทร์ถึง 6 ครั้ง รวมถึงภารกิจสุดท้ายบนดวงจันทร์ของยานอพอลโล 17 (APOLLO17)

สปีดมาสเตอร์ ปี 1968 – เดอะ มูนวอทช์: ปี 1968 หรือหนึ่งปีก่อนที่สองนักบินอวกาศ “นีล อาร์มสตรอง” และ “บัซ อัลดริน” จะประทับรอยเท้าลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์ โอเมก้า (OMEGA) ออกเดินทางสู่ความท้าทายครั้งใหม่ที่พลิกประวัติศาสตร์เรือนเวลา กับการเผยกลไกรุ่นใหม่อย่าง “คาลิเบอร์ 861” ทายาทภาคต่อของคาลิเบอร์ 321รุ่นบุกเบิก นวัตกรรมกลไกที่ผสานทั้งองค์ประกอบของดีไซน์และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยไว้ร่วมกัน – จุดเริ่มต้นของกลไกสำคัญที่ยังคงขับเคลื่อนเรือนเวลาอย่าง สปีดมาสเตอร์ “มูนวอทช์” จากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน

 

สปีดมาสเตอร์ มารค์ ทู: เติมเต็มเสน่ห์แห่งความคลาสสิคในปี 1969 ด้วยมิติของเรือนเวลาโครโนกราฟที่เปลี่ยนไป กับทายาทเจเนอเรชั่นที่ 2 ของ     สปีดมาสเตอร์อย่าง “มารค์ ทู” ที่สะท้อนตัวตนผ่านความงามหลากหลาย เวอร์ชั่นด้วยดีไซน์ของวัสดุชั้นเลิศ อาทิ ตัวเรือนสแตนเลสสตีลบนหน้าปัด เรซซิ่งสีเทาส้ม หรือแม้แต่ตัวเรือนทองคำ18K ที่เหล่าคอลเลคเตอร์ถามหา โดดเด่นด้วยตัวเรือนทรง “ถังเบียร์” ที่นำรากฐานบางส่วนมาจากตัวเรือนทรง “ไพล็อต” เรือนเวลาในโครงการลับสุดยอดที่โอเมก้า (OMEGA) ร่วมพัฒนาด้วย – จุดเปลี่ยนแห่งงานดีไซน์กับเอกลักษณ์ที่ยากจะละสายตา


สปีดมาสเตอร์ 125
กับบทบาทอันท้าทายในฐานะเรือนเวลาโครโนกราฟ กลไกอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก ด้วยคาลิเบอร์ 1041 ที่ผ่านการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์อย่างเป็นทางการ เอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่นที่รังสรรค์ขึ้นในปี 1973 เพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งครบ 125 ปีของแบรนด์   โอเมก้า (OMEGA) ด้วยจำนวนการผลิต 2,000 เรือน โดดเด่นด้วยตัวเลข 125 สลักบนพื้นหน้าปัดสีดำ ตอกย้ำถึงเส้นทางแห่งความมุ่งมั่นและทุ่มเทของแบรนด์มายาวนานกว่า 125 ปี – อีกหนึ่งเรือนเวลาที่เหล่านักสะสมต่างขึ้นลิสต์ให้เป็นวินเทจคอลเลคชั่นสุดโปรด


“เอ็กซ์-33”
กับชื่อเรียกสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่อ้างอิงตามโปรเจคลับเฉพาะขององค์การนาซา สุดยอด “มารส์ วอทช์” (MARS WATCH) ที่ผู้คนทั่วโลกต่างคุ้นเคย กับไฮบริด โครโนกราฟซึ่งออกแบบขึ้นเพื่อรองรับความเป็นไปได้ของภารกิจที่จะพามนุษย์ลงจอดบนดาวอังคาร ใช้เวลา 5 ปีในการร่วมมือกันพัฒนาระหว่าง     แบรนด์โอเมก้า (OMEGA) และหลากองค์กรอวกาศระดับโลก รวมถึงฝูงบินผาดแผลงจากหลายเหล่าทัพ แตกต่างด้วยฟังก์ชั่นหน้าปัดดิจิตอลที่ช่วยเสริมการใช้งานขณะปฏิบัติภารกิจนอกโลก – เรือนเวลาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศทั้งบนกระสวยอวกาศขององค์การนาซา และบนสถานีอวกาศเมียร์ของรัสเซีย

 

 

สปีดมาสเตอร์ 57: กับอัพเดทโมเดลประจำปี 2013 เรือนเวลาที่ผสานประเพณีของสปีดมาสเตอร์แบบดั้งเดิมและรสชาติแห่งความท้าทายครั้งใหม่ได้อย่างลงตัว ขับเคลื่อนด้วยกลไกโครโนกราฟที่มอบความเที่ยงตรงระดับมาสเตอร์พีซ กับ โค-แอ๊กเซียล คาลิเบอร์ 9300/9301 ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์เองเป็นครั้งแรก – สุดยอดเทคโนโลยี โค-แอ๊กเซียลและสปริงบาลานซ์ซิลิคอน ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ครอบครองเรือนเวลาชั้นยอดไม่รู้ลืม

 

สปีดมาสเตอร์ ดาร์ค ไซด์ ออฟ เดอะ มูน: เมื่อนักบินอวกาศของยานอพอลโล 8 โคจรไปเห็นด้านมืดของดวงจันทร์เป็นคนแรก เรือนเวลาจากเรื่องราวแห่งความสำเร็จอย่าง ดาร์ค ไซด์ ออฟ เดอะ มูน จึงอุบัติขึ้น โดยในปี 2013 มูนวอทช์ได้ก้าวสู่หน้าตำนานบทใหม่อีกครั้ง กับตัวเรือนที่ผลิตขึ้นจากบล็อคเซรามิกแบบชิ้นเดียว ตอกย้ำตัวตนในความเป็นนักคิดค้นนวัตกรรมที่โอเมก้า (OMEGA) สั่งสมมาโดยตลอด เรือนเวลาลุคสปอร์ตบนพื้นหน้าปัดเซรามิกสีดำ มาพร้อมโค-   แอ๊กเซียล คาลิเบอร์ 9300/9301 เข้าคู่อย่างดีกับสายผ้าไนลอนและเข็มนาฬิกาทำจากไวท์โกลด์ อีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของแบรนด์โอเมก้า (OMEGA)
สำหรับแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่าง จอร์จ คลูนีย์ ตัวตนของโอเมก้า (OMEGA) คือความเที่ยงตรงแห่งเวลา และเกี่ยวเนื่องกับโครงการอวกาศอย่างไม่อาจแยกออกจากกัน แม้เวลาจะเลือนผ่านไปกว่าหกทศวรรษ แต่ในปัจจุบัน สปีดมาสเตอร์ ยังคงได้รับการบรรจุให้เป็นส่วนหนึ่งของทุกภารกิจอวกาศแบบที่ใช้มนุษย์และยังได้ครอบครองตำแหน่งติดตั้งเป็นเครื่องมือถาวรบนสถานีอวกาศนานาชาติ คงความคลาสสิคแห่งเรือนเวลาอย่างแท้จริง และสิ่งที่เรียนรู้จากการเดินทางตลอด 60 ปีนี้ สะท้อนให้เห็นว่าอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี   จะนำเราสัมฤทธิ์ผลในทุกความท้าทาย ดั่งความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ อีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20
พบกับนวัตกรรมชั้นเลิศและสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับไปกับ โอเมก้า ได้ที่บูติคสาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959, สาขาสยามพารากอน โทร. 02-129-4878 และสาขาดิ เอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550

%d bloggers like this: